คดี ปริญญ์ บทเรียนประชาธิปัตย์ เทพไท ชี้ เลือกผู้บริหารพรรคต้องรัดกุม

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์

“เทพไท เสนพงศ์” ชี้คดี “ปริญญ์” เป็นบทเรียนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ เลือกผู้บริหารพรรค ต้องรอบคอบ รัดกุมกว่านี้ ย้ำจุดยืน ไม่ปกป้องผู้กระทำผิด

วันที่ 16 เมษายน 2565 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เทพไท เสนพงศ์ ระบุว่า จากกรณีที่นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรค ถูกข้อกล่าวหาว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศ จนได้ลาออกจากทุกตำแหน่งภายในพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้ว ซึ่งเป็นความผิดส่วนตัว และไม่อยากให้ไปเกี่ยวข้องกับพรรค แต่ก็มีคนบางกลุ่ม สื่อบางสำนัก ใช้สื่อโซเชียลปั่นกระแส พยายามพุ่งเป้าโจมตีทำลายพรรคประชาธิปัตย์เป็นหลัก ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรมต่อพรรคเป็นอย่างยิ่ง

นายเทพไทกล่าวว่า เมื่อนายปริญญ์ได้แสดงความรับผิดชอบต่อพรรค โดยการลาออกจากทุกตำแหน่งแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ก็มีหน้าที่ต้องดำเนินการกับนายปริญญ์ ในฐานะสมาชิกพรรคคนหนึ่ง ตามข้อบังคับพรรคที่มีข้อกำหนดไว้อย่างชัดเจน

ส่วนตัวได้กล่าวขอบคุณนายปริญญ์ที่ได้ลาออกจากทุกตำแหน่งในพรรคด้วยความสมัครใจ ไม่มีการบีบบังคับให้ลาออก ถือว่าเป็นการแสดงสปิริตเพื่อรักษาบรรทัดฐานของพรรคไว้ ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องคดีความ หรือการละเมิดทางเพศหรือเกี่ยวกับจริยธรรมแต่อย่างใด ส่วนการดำเนินคดีก็เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่จะต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาตามข้อเท็จจริงให้เร็วที่สุด

สำหรับกรณีที่มีสื่อบางสำนักเสนอข่าวเรื่องแชทหลุดว่ามีผู้บริหารพรรคและคนในพรรคประชาธิปัตย์ให้กำลังใจนายปริญญ์ในเรื่องนี้นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะในกลุ่มไลน์ของพรรคยังไม่มี ส.ส.คนใด หรือกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) คนใดให้กำลังใจ หรือปกป้องนายปริญญ์เลย มีแต่สนับสนุนให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะเชื่อว่าคำพิพากษาของศาลยุติธรรมเท่านั้น คือคำตอบสุดท้าย

นายเทพไทระบุว่า จากปรากฏการณ์ของนายปริญญ์จะเป็นบทเรียนครั้งสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ในการคัดสรรบุคคลเข้าสู่ตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเป็นศูนย์กลางอำนาจของพรรคให้มีความรอบคอบ รัดกุมให้มากกว่านี้ ในสมัยอดีตที่ผ่านมา บุคคลที่จะเข้าสู่ตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคจะต้องเป็นสมาชิกพรรค และทำงานกับพรรคเป็นเวลายาวนานพอสมควร

ถ้าเป็น ส.ส.ของพรรคก็จะเป็น ส.ส.มาแล้วหลายสมัย กว่าจะก้าวสู่การเป็นกรรมการบริหารพรรคได้ แต่การเข้าสู่ตำแหน่งภายในพรรคของนายปริญญ์นับว่ากรณีพิเศษ ที่เป็นรองหัวหน้าพรรคโดยไม่ได้ผ่านการเป็น ส.ส.หรือผู้บริหารพรรค หรือในตำแหน่งอื่นในพรรคมาก่อน จึงทำให้ไม่สามารถพิสูจน์จุดยืน แนวความคิด หรือประวัติส่วนตัวได้อย่างชัดเจน


“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ย่อมกระทบต่อขวัญกำลังใจของสมาชิกพรรคทั่วประเทศ และชื่อเสียงของพรรคอย่างปฎิเสธไม่ได้ แต่ขอให้เชื่อมั่นในความเป็นพรรคประชาธิปัตย์ที่มีอุดมการณ์มั่นคง จุดยืนชัดเจน จะไม่ปกป้องผู้กระทำผิด ยึดความถูกต้องเป็นหลัก เคารพในหลักนิติรัฐนิติธรรมเป็นที่ตั้งมายาวนานถึง 76 ปี” นายเทพไทระบุ