ก้าวไกล จัดทัพใหม่สู้เลือกตั้ง แก้ข้อบังคับเอาผิดคุกคามทางเพศ

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล

ก้าวไกล จัดทัพลุยเลือกตั้ง ดัน “โรม” นั่งโฆษก เปิดตัว “ไอติม” นั่งผู้จัดการรณรงค์นโยบาย แก้ข้อบังคับขยายความผิดปมคุกคามทางเพศ

วันที่ 30 เมษายน 2565 ที่อุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พรรคก้าวไกลจัดการประชุมสามัญใหญ่ประจำปี 2565 ภายใต้ชื่องาน “เปลี่ยนประเทศไทย ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน” ทั้งนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงผลประชุมสามัญใหญ่ประจำปี 2565 ว่า การประชุมผ่านไปได้ด้วยดี มีการเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง

ทั้งเรื่องของการปรับทัพพรรคใหม่ เรื่องความโปร่งใสในการรายงานความคืบหน้าให้กับสมาชิกได้ทราบ เรื่องของสถานะการเงิน และการปรับข้อบังคับพรรคเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศ เพื่อให้ตอบสนองต่อสิทธิมนุษยชน รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันด้วย โดยพรรคมีการปรับเปลี่ยนทีมโฆษก

ทั้งนี้ ต้องมีการสื่อสารที่เป็นข้อเท็จจริงตรงไปตรงมา มีความรวดเร็วก กระฉับกระเฉง ซึ่งโฆษกคนใหม่ของพรรค คือ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล มีรองโฆษกพรรค 2 คน คือ น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม และนายกรุณ พลเทียนสุวรรณ อดีต ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตหลักสี่-จตุจักร ซึ่งทั้ง 3 คน เป็น 3 ประสานให้ทีมกระชับมากขึ้น และสามารถตอบสนองสถานการณ์การเมืองได้เร็วมากขึ้น ในส่วนของกองอำนวยการการเลือกตั้งมีการแต่งตั้ง พริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ “ไอติม” เป็น ผู้จัดการการสื่อสารและการณรงค์นโยบายของพรรค

ตนเชื่อมั่นในตัวนายรังสิมันต์ ว่าเป็นคนที่มีดีเอ็นเอของอดีตพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกลในปัจจุบันสูง รวมทั้งได้พิสูจน์ตัวเองมาตลอด 2-3 ปี ตอนที่เป็นรองเลขาธิการพรรคฝ่ายการเมือง นอกจากนี้ นายรังสิมันต์ก็มีความพร้อมที่จะทำงานได้เลย ซึ่งดีเอ็นเอดังกล่าวคือความซื่อตรงต่อประชาชน และความกล้าหาญที่จะต่อสู้กับความอยุติธรรมในรูปแบบต่างๆ ที่มีอยู่ในการเมืองไทย

ด้าน นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า สำหรับในส่วนสำนักเลขาธิการพรรคก้าวไกล เลขาธิการพรรคยังเป็นคนเดิม แต่เราปรับให้รองเลขาธิการพรรคมีความกระชับมากขึ้น และพร้อมที่จะทำงานให้เข้ากับสถานการณ์ โดยหลังจากนี้รองเลขาธิการพรรคจะมี 4 คน คือ 1.นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ด้านความร่วมมือระหว่างพรรคการเมือง (Political Parties Cooperation)

2.นายธีรเศรษฐ พัฒน์วราพงษ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.สิงห์บุรี พรรคอนาคตใหม่ ด้านความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรและการต่างประเทศ (Organization and International Relations) 3.นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. ด้านกิจการภายในและการเลือกตั้ง (Internal Affairs and Election Campaign) และ 4.นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กทม. ด้านพัฒนาระบบ ข้อมูล และดิจิตอล (Information Systems and Digital Development)

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการแก้ไขข้อบังคับพรรค สาระสำคัญเรื่องหนึ่งคือความผิดร้ายแรงของสมาชิกพรรคเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศ โดยที่ประชุมใหญ่ได้ผ่านมติเห็นชอบในการแก้ไขข้อบังคับ มีสาระสำคัญ 3 เรื่อง คือ 1.จากเดิมที่การคุกคามทางเพศ ให้มีการร้องเรียนสู่กรรมการวินัยและจริยธรรมของพรรค เฉพาะส่วนที่สมาชิกพรรคกระทำต่อสมาชิก และบุคลากรของพรรค

เปลี่ยนเป็นการกระทำของสมาชิกต่อบุคคลใด ๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกหรือไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคก็ตาม ถือเป็นความผิดวินัยร้ายแรงของพรรคด้วย จะต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนของคณะกรรมการวินัยและจริยธรรม รวมทั้งรายงานต่อคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ในการตัดสินใจว่าจะลงโทษอย่างไรต่อไป

นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า 2.ถ้ามีการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศ เราจะเพิ่มองค์ประกอบของคณะกรรมการเข้ามาดูแลสอบสวนเรื่องนี้เพิ่มเติมจากคณะกรรมการวินัยและจริยธรรม โดยให้เพิ่มบุคคลที่เป็นสมาชิกพรรคที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องการคุกคามทางเพศ 2 คน เข้ามาเป็นองค์ประกอบเพิ่มเติม เพื่อให้มีการพิจารณาพิเศษกว่าความผิดร้ายแรงทั่วไป

และ 3.จากเดิมที่ความผิดลักษณะนี้กำหนดไว้ว่าจะต้องร้องเรียนต่อคณะกรรมการวินัยและจริยธรรมของพรรคภายใน 30 วัน นับจากวันที่เกิดเหตุ โดยขยายเป็นให้เกิน 30 วันได้โดยไม่จำกัดเวลา เนื่องจากความผิดในลักษณะนี้เป็นธรรมชาติที่ผู้ถูกกระทำมักจะไม่มีความพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจจะร้องเรียนเรื่องนี้ทันทีภายใน 30 วัน

และยิ่งถ้าเป็นกรณีที่ผู้กระทำผิดเป็นผู้มีอำนาจ เป็นหัวหน้างาน ก็อาจจะทำให้มีความลังเล และร้องเรียนเรื่องนี้หลังจากเหตุการณ์ผ่านไปนานแล้วก็ได้ ซึ่งบทลงโทษร้ายแรงที่สุดคือขับออกจากสมาชิกพรรค ส่วนเรื่องอื่นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เพราะมีครอบคลุมอยู่แล้ว

นายชัยธวัช กล่าวด้วยว่า สำหรับยุทธศาสตร์ของพรรค โดยเฉพาะในปีนี้มี 2 เรื่องใหญ่ คือ เรื่องแรกคือเราจะสร้างรากฐานของพรรคให้มีความเข้มแข็ง พร้อมๆ ไปกับการเตรียมการเลือกตั้ง เพราะหลังจากที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบและกลายมาเป็นพรรคก้าวไกล ความเข้มแข็งของพรรคในระดับพื้นฐานยังต้องมีการพัฒนาต่อ เพื่อให้เป็นพรรคการเมืองของประชาชนอย่างที่เราอยากให้เป็น

โดยในปีนี้เราได้มีการออกแบบโครงสร้างใหม่ของสมาชิกให้มีคณะกรรมการระดับจังหวัด ที่มาจากการเลือกตั้งของสมาชิกพรรคในทุกจังหวัด และจะลงลึกไปในระดับเขตเลือกตั้ง โดยให้คณะกรรมการบริหารพรรคมาจากการเลือกตั้งของสมาชิกในระดับเขตเลือกตั้งให้ได้ด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของคณะกรรมการบริหารพรรค 10 คน ยังเป็นคนเดิม

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า อีกเรื่องหนึ่ง การเตรียมการเลือกตั้งจะมีการปรับโครงสร้างหลายๆ อย่าง การเตรียมความพร้อมของผู้สมัคร ทีมงานจังหวัด ความพร้อมเรื่องนโยบายเพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นอีกไม่นานนี้ เป้าหมายของเราคือเราตอกย้ำความเป็นพรรคการเมืองหลักของก้าวไกลในเวทีการเมืองไทย จากเดิมในสมัยอนาคตใหม่เราเป็นพรรคการเมืองหน้าใหม่ และยังเป็นม้านอกสายตาของหลายๆ คน

“วันนี้ปฏิเสธไม่ได้แล้วจากการพิสูจน์การทำงานของเรา เราเป็นพรรคการเมืองหลักในการเมืองไทยแล้ว การเลือกตั้งครั้งหน้าชัยชนะของเราจะเป็นการตอกย้ำสถานะนี้ให้มั่นคงมากขึ้น และเราต้องการได้คะแนนเสียงจากประชาชนทั้งประเทศมากที่สุด และได้ ส.ส.เขตจากทุกภูมิภาค” นายชัยธวัช กล่าว

ขณะที่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนขอบคุณ กก.บห. ที่ไว้วางไจให้ทำหน้าที่การสื่อสารของพรรค สิ่งสำคัญ คือ การสื่อสารแทนสมาชิกพรรคที่มาจากหลากหลายพื้นที่ เราอยู่ในช่วงเวลาที่ท้าทาย เพราะความง่อนแง่นของรัฐบาล ที่ยังตกลงไม่ได้ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ดังนั้น พรรคก้าวไกลในฐานะที่เป็oพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ยึดมั่นในประชาธิปไตย จึงต้องแสดงบทบาทตรงนี้อย่างเข้มแข็ง เป็นหลักและฐานให้กับสังคมไทยต่อไป


พรรคก้าวไกล พรรคก้าวไกล พรรคก้าวไกล