ศึก 2 ขั้วอำนาจ ชิง ผู้ว่าฯ กทม. ตัวเต็งก้าวไกลได้ 5 แสนคะแนน

ผู้ว่าฯ กทม.

 

 

อีกไม่กี่วันการหย่อนบัตรเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจะเกิดขึ้น บรรดาตัวเต็งมีลุ้นเข้าป้ายทั้งหลาย แข่งกันดุทุกสมรภูมิไม่ว่าออนกราวนด์หรือโซเชียล

“สติธร ธนานิธิโชติ” ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า เกาะติดขอบสนามการเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง

วิเคราะห์การแข่งขันที่ระอุในช่วงใกล้โค้งสุดท้ายว่า “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้สมัครอิสระ ยังคงนำอยู่ แค่จะมีปัจจัยความเสียวมากขึ้นนิดหน่อย

หลังจากที่ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” พรรคก้าวไกล เริ่มฟอร์มดีอาจได้คะแนนสงสารจากฝ่ายที่นิยามตัวเอง คือฝ่ายประชาธิปไตยที่คิดว่า “ชัชชาติ” ชนะอยู่แล้ว จึงเติมคะแนนให้ “วิโรจน์”

“อีกส่วนหนึ่งถือเป็นดีเบตเอฟเฟ็กต์เพราะวิโรจน์โชว์ฟอร์มเก่งมากบนเวที ส่วนชัชชาติ การพูดอาจไม่ค่อยมีอะไรใหม่ ไม่ใช่พูดไม่ดีแต่เพราะเปิดตัวมานาน”

อีกข้างหนึ่งคือกลุ่มอนุรักษนิยม ที่เริ่มเห็นกระแสว่าจะพาคะแนนไปรวมที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง แต่พอจบรายการดีเบตเวทีของช่อง 3 กระแส พล.ต.อ.อัศวิน เละเทะมาก แทบจะทิ้งเกือบทุกเวทีที่เหลือ จึงมีกระแสใหม่ว่า สกลธี ภัททิยกุล กลับมาแรงขึ้น

ทว่า เหลือไม่ถึง 2 สัปดาห์สุดท้ายกระแสจะเหวี่ยงมาที่ “สกลธี” ทันหรือไม่ “สติธร” ตอบว่า ยังทันอยู่ เพราะคะแนนสายอนุรักษนิยมใน กทม.เขาเทกันชั่วข้ามคืนได้ ช่วงนี้คะแนนแกว่งไปไม่เป็นอะไร แต่พอถึงจังหวะทีเด็ดทีขาด บอกว่า ไม่ได้แล้ว…เราต้องพี่วิน (พล.ต.อ.อัศวิน) เท่านั้น ก็จะไปพี่วินจริง ๆ

“มันโหดมาก อาจเกิดปรากฏการณ์ที่ใจตรงกันอย่างน่าตกใจ”

แล้วสัญญาณอะไรจะเป็นตัวชี้นำในนาทีสุดท้าย “สติธร” วิเคราะห์ว่า เขามีช่องทางในการสื่อสารพูดคุยกันเองในกลุ่ม และถ้าสุด ๆ จริงจะตอกย้ำด้วยสัญญาณชัด ๆ บางอย่าง

“อาจจะเป็นที่เวทีปราศรัยสุดท้ายของ 2 คนนี้ก็ได้ เหมือนที่พรรคประชาธิปัตย์ กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ทำเรื่อง ไม่เลือกเราเขามาแน่ แต่อาจจะไม่ง่ายขนาดจะฉายแบบนั้น เพราะเลือกเราเขา (ชัชชาติ) มาแน่ ๆ เพราะคนไม่ได้กลัวชัชชาติขนาดนั้น ทางเดียวที่จะกลัวคือกลัววิโรจน์จะชนะก็ได้”

“อันหนึ่งที่บิลด์กระแสได้แน่คือ การส่งสัญญาณไปที่ ส.ก.ก้าวไกล ที่จะเป็นเสียงข้างมากในสภา ซึ่งอันนี้เป็นไปได้มากกว่าที่จะไปบิลด์ว่าวิโรจน์ชนะ เพราะในวงที่เขาแข่ง ส.ก. เขาก็กังวลว่า กระแสพรรคก้าวไกล ใน ส.ก.มีโอกาสชนะเลือกตั้งเยอะ เพราะกลุ่มอื่นตัดกันเองหมด แต่ ส.ก.ก้าวไกลมันนิ่ง”

“สติธร” ชวนไปดูผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขตหลักสี่ จตุจักร ว่า ตอนนั้นก้าวไกลได้เขตละ 1 หมื่นคะแนน ขณะที่พรรคเพื่อไทยได้คะแนนหลักสี่เยอะหน่อยได้ 1.9 หมื่น แต่เขตจตุจักรได้ 1 หมื่นแพ้ก้าวไกลอีกต่างหาก จะไปแรงเฉพาะฐานตนเอง ตรงไหนที่ไม่มีฐานก็อ่อนเลย “แต่ก้าวไกลมีคนพร้อมที่จะเลือกเขตละ 1 หมื่นคน”

“สมมุติว่า ความแรง ความน่ากลัวของก้าวไกล ไปสร้างวาทกรรมให้คนหวาดกลัวว่าถ้าเสียงข้างมากของ ส.ก.เป็นก้าวไกลจะทำอย่างไร ดังนั้น ผู้ว่าฯ กทม.จะต้องเป็น พล.ต.อ.อัศวิน หรือผู้ว่าฯชัชชาติ ส.ก.เป็นเพื่อไทย ตายกันแน่ ๆ กทม.ของเรา ต้องสร้างอารมณ์อย่างนี้”

ส่วน “สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ คนรู้สึกเฉย ๆ ต่อให้ไม่มีเรื่อง “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” ก็ได้น้อยอยู่แล้ว ยิ่งทำให้ฝั่งอนุรักษนิยมมีความหวัง

สติธร ฉายภาพว่า ฝั่งที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย มี 1.2 ล้านคะแนน อีกฝั่งหนึ่งคือฝั่งอนุรักษนิยม มี 1.2 ล้านคะแนนเท่ากัน

คะแนนฝ่ายอนุรักษนิยม “สุชัชวีร์” อาจเก็บไปได้ 2 แสนกว่าคะแนน แล้วเลือกเทให้ “พล.ต.อ.อัศวิน” ก็อาจจะได้ 9 แสนคะแนนคนเดียว ส่วน “สกลธี” ก็ได้ไปแสนกว่าคะแนน

แต่อีกฝั่งหนึ่งถ้า “ชัชชาติ” กับ “วิโรจน์” ตัดคะแนนกัน “ชัชชาติ” เอาไป 8 แสนคะแนน วิโรจน์เอาไป 4 แสนก็ตายแล้ว

“เพราะมีคนพร้อมเลือกก้าวไกล 1 หมื่นคะแนน 50 เขตก็ 5 แสนคะแนน วิโรจน์อาจจะได้ 4 แสนคะแนน โดยยอมหันไปเลือกชัชชาติสัก 1 แสนคน แปลว่าชัชชาติเต็มที่อาจจะ 8 แสน ถ้าไม่มีคะแนนเหวี่ยงมาจากอีกฝั่ง (ฝั่งอนุรักษนิยม) เลย”

“แล้วถ้าคะแนนไปกองอยู่ที่ พล.ต.อ.อัศวิน หรือสกลธี 9 แสนคะแนน ก็ชนะ ดังนั้น ชัชชาติจึงไม่ง่าย เกมนี้จึงยังไม่จบ”

แล้วโค้งสุดท้ายผู้สมัครแต่ละคนต้องทำอย่างไร “สติธร” กล่าวว่า “ฝ่ายอนุรักษนิยมไม่ต้องคิดเยอะ เทกันให้เองได้ แต่ต้องทำตัวให้เป็นความหวังให้ได้ จะหนีเวทีดีเบตไม่ได้”

“ส่วนชัชชาติ ห้ามเพลย์เซฟ มวยหมัดหนักมันต้องเดิน บนเวทีดีเบตตอบอะไรกลาง ๆ ไม่ทะเลาะกับใคร มันไม่พอ”

“ต้องมีจังหวะหมัดหนักบ้างเพื่อให้ได้ใจคน แต่เหมือนชัชชาติจะรู้แล้ว หลังๆ ตอบชัดเจนขึ้น”