ประยุทธ์ เปิดใจกลางสภา “ไม่มีความสุข คิดทุกวันให้ทุกคนอยู่รอด”

ประยุทธ์ โต้ ทุกเม็ด งบกลาง-งบบุคลาการสูง หนี้สาธารณะทะลุเพดาน หนี้ครัวเรือนท่วมเผย เปิดใจกลางสภา ไม่มีความสุข คิดทุกวันทำอย่างไรให้ทุกคนอยู่รอด เห็นใจคนเป็นหนี้ ไม่มีใครบริหารงานได้ท่ามกลางความขัดแย้ง

วันที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2666 วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท วาระที่ 1 ว่า ตนนั่งฟังมาโดยตลอดนะ ทั้งเมื่อวานนี้ เมื่อคืนนี้ และก็เมื่อเช้านี้ ตนก็ขอบคุณในคำอภิปรายของท่านสมาชิกทั้งหลาย ตนเข้าใจดี

และตนคิดว่าทุกคนก็มีความมุ่งหวังที่จะให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้า เจริญเติบโต วันนี้ ตนนั่งไปเช้านี้ ก็งง ๆ เหมือนกัน เราพิจารณางบประมาณประจำปี 66 หรือ พิจารณางบประมาณของพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งยังไม่ได้เป็นรัฐบาลในเวลานี้ อย่าใช้โอกาสนี้ในการหาเสียง ผิดเวที

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลทำไว้ คือ การเตรียมการไว้ล่วงหน้า ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาได้ทำหลายอย่าง เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) สูงขึ้น ถ้าหารายได้ไม่ได้ ก็จ่ายไม่ได้ จึงต้องใช้จ่ายงบประมาณแบบพุ่งเป้า ผู้ที่เดือดร้อนมากที่สุดก่อน ซึ่งมีข้อมูลประชากรที่มีความยากจนอยู่ที่ภาคใด จังหวัดใดบ้าง และจะดูแลอย่างไร โดยมีแผนการแก้ปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้ารายครัวเรือน เพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

“สิ่งสำคัญในเวลานี้ที่ต้องมองร่วมกัน เราจะทำอย่างไรให้ทุกคนอยู่รอด แน่นอนครับ มันต้องมีความลำบาก รัฐบาลก็ลำบาก ไม่ใช่รัฐบาลสบายใจ มีความสุข ไม่ใช่เลย คิดทุกวัน ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ หลายอย่างที่ประสบความสำเร็จออกมาก็มีอยู่ ถ้าจะพูดกันแต่เพียงว่า ไม่มีอะไรดีเลย ผมคิดว่า ไม่เป็นธรรมมากนัก เดี๋ยวประชาชนจะไม่เข้าใจ”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการสร้างเคเบิ้ลใต้น้ำ เดิมมีอยู่ 1 เส้น วันนี้เราดำเนินการต่อ ซึ่งจะช่วยเสริมบทบาทของไทยในการเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของอาเซียน เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายระหว่างประเทศ เชื่อมต่อจีน อินเดีย อาเซียน มีประชากรรวมกัน 3,300 คน เกือบครึ่งหนึ่งของโลก ต้องทำตรงนี้ให้พร้อม ทำปีเดียวก็ไม่เสร็จ

สำหรับโครงการ 5 G ที่รัฐบาลวางไว้ในขณะนี้ จะรองรับการพัฒนา ต่อยอด ต่อเนื่องตามมาอีกมากมาย เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐให้เร็วที่สุด ตรงตัวที่สุด และเชื่อมต่อการค้าการลงทุน ซึ่งจะเกิดเป็นรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้น

“สิ่งเหล่านี้กำลังเกิดขึ้น แต่ท่านไม่พูดถึงเลย พูดแต่ว่า ไอ้นี่ก็ไม่มี ไอ้นั่นก็ไม่ทำ เวลาพูดก็ไม่ฟัง แล้วก็หาทางโจมตีให้ได้มากที่สุด ผมจำเป็นต้องชี้แจง ไม่งั้นประชาชนก็ตามกันไปหมด ให้เขาเลือก ให้เขาเข้าใจ ว่าเขาจะมีส่วนร่วมกับรัฐบาลได้อย่างไร เวลาท่านได้เป็นรัฐบาล ท่านก็ต้องทำแบบผมนี่แหละครับ ทำยังไงประชาชนจะร่วมมือ ผมไม่โทษใคร

แต่หลายอย่างต้องร่วมมือ อะไรที่ไม่ดี ไม่เห็นด้วย ผมก็รับเอาไปพิจารณา งบประมาณที่เสนอมาทั้งหมดผ่านจากข้างล่างขึ้นมาทั้งสิ้น อยู่ดี ๆ จะไปตั้งโครงการเองไม่ได้ ต้องเอาจากข้างล่างขึ้นมา แล้วมาดูว่า อันไหนรัฐบาลจะลงทุนเอง เพราะเป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ เพราะกำหนดเป็นนโยบาย เพื่อสอดประสานจากข้างล่าง ซึ่งส่วนใหญ่โครงการที่มาจากข้างล่าง ผมไม่ปฏิเสธ แต่ข้างบนก็ต้องตรวจสอบความถูกต้อง ไม่งั้นติดคุก”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลปรับแก้งบประมาณภาครัฐ 30 % นำไปจัดซื้อสินค้าหรือผลงานวิจัยและพัฒนาในประเทศ ซึ่งเกี่ยวพันกับวิสาหกิจชุมชน วันนี้เกิดขึ้นมากมาย วิสาหกิจชุมชนเติบโตขึ้นมากมาย เป็นความเข้มแข็งของประชาชนที่เกิดจากการรวมตัวกัน ท่านต้องทำให้ประชาชนรวมตัวกันให้ได้ รวมตัวกันสร้างสรรค์ ไม่ใช่รวมตัวกันแล้วแตกแยก ไม่มีใครบริหารได้ท่ามกลางความขัดแย้ง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในส่วนของการปรับขยายเพดานหนี้สาธารณะจากร้อยละ 60 เป็นร้อยละ 70 เพราะจำเป็น จากผลกระทบของสถานการณ์โควิด-19 และการลงทุนต่าง ๆ ถ้าปรับจะไปได้หรือไม่ และปรับผิดกฎหมายหรือไม่ ตนไม่อยากจะปรับ แต่เมื่อจำเป็นก็ต้องปรับ เป็นการปรับแผนระยะปานกลาง 3 ปี ถ้าดีขึ้นก็ลดลงไปเท่าเดิม ไม่ได้แช่ไปตลอดชีวิต ตลอดชาติ ศึกษากฎหมายบ้างนะ

“หนี้ครัวเรือน แน่นอนต้องเพิ่มขึ้น มันต้องเดือดร้อนแน่นอน แล้วคิดว่าผมจะไม่รู้สึกเหรอ ผมไม่เห็นใจคนเป็นหนี้เหรอ ผมไม่เห็นใจคนจนเหรอ จะเห็นว่างบประมาณและหลายโครงการทุ่มเทลงไปมหาศาลในการให้ประชาชนได้เข้าถึง แต่จะมากอย่างที่ท่านต้องการคงทำไม่ได้ เพราะงบประมาณจำกัด นโยบายของรัฐบาล คือ อยู่รอด ปลอดภัย และพอเพียง ลดหนี้สิน ท้ายสุดคือเกิดความยั่งยืน ถ้ารื้อทั้งหมด ท่านมีโอกาส ท่านทำเถอะครับ ลองทำแล้วกัน”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องการใช้งบกลาง ท่านบอกว่างบกลางมีไว้เหลือเฟือ มากมาย นายกฯไว้ใช้เอง ไว้เอื้อประโยชน์ พูดแบบไม่มีหลักการอะไรเลย ตรวจสอบสิครับ ผมไม่เคยชี้ให้ไปทำโครงการไหน เพราะตนคือนายกรัฐมนตรี กำหนดนโยบาย ติดตาม กำกับ ดูแล หาสิ่งใหม่ ๆ เอาวิสัยทัศมาทำเรื่องนี้ คณะทำงาน ข้าราชการบอกทำไม่ได้ก็ต้องฟัง ตนไม่อยากย้อนกลับไปที่เก่า ตนทำงานราชการมา 8 ปี ตนรู้อะไรเยอะแยะมากมาย ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ถูกครอบงำไหม ถูกสั่งการไหน เพราะฉะนั้นอย่ามาพูดเรื่องนี้กับตน ตนไม่เคยสั่งผู้ว่า ฯ ไม่เคยสั่งท้องถิ่น ตนไม่เคยทำแบบนั้น

“งบบุคคลาการภาครัฐที่มีสัดส่วนสูงขึ้น โดยข้อเท็จจริงจะพบว่า ค่าใช้จ่ายบุคลาการดังกล่าวนำไปดูแลทุกข์สุขของประชาชน เช่น เงินเดือนบุคลากรทางการแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุขที่มี 277,305 อัตรา งบประมาณ 117,800 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดูแลบริการประชาชนที่เจ็บป่วย ตลอดจนงบประมาณบุคลากรด้านการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการ 519,272 อัตรา งบประมาณ 204,000 ล้านบาท เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนประเทศและช่วยประเทศในการรับมือต่าง ๆ”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว