ประยุทธ์ โต้ฝ่ายค้าน ใช้ทหารไม่เป็น วิจารณ์รัฐบาลด้วยอวัยวะข้างเดียว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่รัฐสภา ในวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ เใมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2565
ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวชี้แจงอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2565

ประยุทธ์ โต้ หมอชลน่าน-ฝ่ายค้าน อภิปรายไม่ใช่ข้อเท็จริง 100% วิจารณ์รัฐบาลด้วยอวัยวะข้างเดียว โต้ แทน สมช. ใช้ทหารไม่เป็น เหน็บ ทักษิณ เอากลับมาให้ได้แล้วกัน

วันที่ 19 กรกฎาคม 2565 ที่รัฐสภา มีการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล ระหว่างวันที่ 19-23 กรกฎาคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงว่า รู้สึกยินดีที่ได้มีโอกาสมาพบกันในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ที่มีชื่อว่า สัปปายะสภาสถาน หมายถึงเป็นสถานที่ที่ประกอบกรรมดี

ในประวัติศาสตร์ชาติไทยนั้น ยามใดที่บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายพระมหากษัตริย์จะทรงสร้างสถานที่เพื่อปลุกขวัญกำลังใจและไพร่ฟ้าประชาชน และหลอมรวมจิตวิญญาณทุกดวงไว้เป็นหนึ่งเดียว และรวมพลังกันฟันฝ่าอุปสรรคให้ชาติอยู่รอดปลอดภัยบ้านเมืองมีสุขสงบสันติตราบจนถึงทุกวันนี้

“วันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีอีกครั้งหนึ่งได้มีการมาพบกัน เป็นห่วงเวลาสำคัญของชาติ ที่เราจะมาช่วยกันขบคิด ช่วยกันถกแถลง ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพราะว่าเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ส่วนที่เป็นฝ่ายข้างนอก ก็ไม่รู้ว่าฝ่ายไหนเหมือนกัน ที่ไปลงคะแนน ไปลงมติกันข้างนอก ผมก็ไม่เคยได้ยินแบบนี้ ไม่อยู่ในระบบบริหารราชการแผ่นดิน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นห้วงเวลาสำคัญของชาติ วันนี้มีปัญหามากมาย ท่านไม่ได้ฟังว่ารัฐบาลทำอะไรไปแล้วบ้าง หรือท่านฟังอาจจะฟังไม่ครบ ฟังไม่หมด หรือฟังโดยใช้อวัยวะข้างเดียว ฟังข้างเดียว ไม่ได้ฟังสองข้าง ท่านพูดมา ผมก็พูดได้บ้าง ท่านค่อนข้างจะพูดรุนแรงอยู่เหมือนกัน

เพราะฉะนั้นเราจะต้องละทิ้งทิฐิของเรา อคติ หรือแม้กระทั่งผลประโยชน์ส่วนตัว ส่วนตนไว้ข้างหลัง และยึดประโยชน์ส่วนตัวของชาติ ของคนในชาติเป็นที่ตั้ง ถ้าเรามีความรัก ความสามัคคีกัน ไม่ขัดแย้งกัน ปัญหาที่พูดมาทั้งหมดแก้ได้หมด ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน

“เมื่อกี้คุณ (นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย) พูดถึง 608 คุณต้องให้เกียรติคนที่เป็น 608 ด้วย เป็นบุคคล เป็นประชากรอายุสูง เราต้องให้ความสำคัญคนเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสุขภาพ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นายกฯไม่ได้รู้ทุกเรื่อง ไม่ได้เก่งทุกเรื่อง ไม่ได้ฉลาดที่สุด เหมือนบางคนที่ท่านบอกว่า ฉลาดที่สุดนั่นแหละ ตอนนี้อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ทุกความสำเร็จพิสูจน์ได้ด้วยตัวเลข นักท่องเที่ยวปีนี้กลับมาแล้วกว่า 2.2 ล้านคน เกิดรายได้ 1.25 ล้านบาท โครงการไทยเที่ยวไทย 6.78 ล้านคน มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจทุกระดับหลายรอบ 4.3 แสนล้านบาท

“นี่คือผลงานไงครับ ไม่เห็นหรือไงนะ ไม่ดูเลย เพราะงั้นการอภิปรายวันนี้ก็เหมือนทุกครั้ง ที่ผมและรัฐมนตรีได้ยินเรื่องเหล่านี้มาหลายครั้งเต็มที ทั้งในสภาและนอกสภา นอกวาระในวาระ ก็พูดซ้ำ ๆ เดิม ๆ แต่พวกผมก็พร้อมให้ความกระจ่างในทุกประเด็น”

“ผมคิดว่า ผมไม่ได้ด้อยค่ากว่านายกรัฐมนตรี (ต่างประเทศ) ท่านอื่น ๆ หรือแม้แต่อดีตนายกรัฐมนตรีที่ได้ไป (ต่างประเทศ) มา” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า 10 กว่าปีมาแล้ว ผมไม่ได้เป็นตัวให้เกิดความขัดแย้ง ย้อนกลับไปดู ย้อนกลับไปดูพฤติกรรม ย้อนกลับไปดูความผิด ย้อนกลับไปดูคนที่ติดคุก

“ผมไม่ได้ต้องการให้เกิดการแบ่งขั้ว แบ่งฝ่าย ท่านบอกว่าผมบังคับใช้กฎหมาย ละเมิดสิทธิมนุษยชน กฎหมายนั้นกฎหมายอะไรครับ กฎหมายทั่วไปใช่ไหม เป็นกฎหมายปกติใช่มั้ย แต่หลายคนอยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ท่านบอกว่า 2 ปี ผมอยากอยู่ต่อ ผมพูดหมายความว่า อีก 2 ปี จะผลิดอกออกผลออกมา ผมไม่ได้บอกว่า ผมขออยู่อีก 2 ปี เอาทุกเรื่องมาตีกันหมดไม่ได้

“ผมไม่ได้จะกล่าวอ้างได้ว่า ผมทำได้ดีที่สุด เก่งที่สุด ผมไม่เคยพูดอย่างนั้น ท่านตีความของท่านไปเอง หลายอย่างที่ท่านพูดมาไม่ใช่ข้อเท็จจริง ผมยืนยัน ไม่ใช่ข้อเท็จจริง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การใช้กลไกทหารมาทำงาน ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มันจำเป็นก็ต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกในสมัยใครเป็นนายกฯ (นายทักษิณ) เอามาใช้ประโยชน์ได้ไหม ถ้าไม่ละเมิดคนอื่นก็ใช้ได้ ใช้ประโยชน์ได้ทั้งนั้น

“ผมใช้กลไก สมช. เพราะมีกลไกนั้นอยู่แล้ว กลไกใน สมช.ทั้งหมดที่ตั้งมา ไม่ว่าจะเป็น ศบค. ครั้งหลังสุดที่ตั้งมา (คณะกรรมการเฉพาะกิจแก้ปัญหาพลังงานและอาหาร) ก็มีรัฐมนตรีเศรษฐกิจอยู่ทั้งหมด ไปดูคำสั่งที่ตั้งมา มีทหารกี่คนที่อยู่ในนั้น คุณบริหารไม่เป็นเองแหละ คุณไม่ใช้เพราะคุณไม่ไว้ใจทหาร ทุกวันนี้อยู่ไม่มีทหาร ไม่มีตำรวจดูแล คุณจะนั่งอยู่ตรงนี้ได้ไหม ขอโทษ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้เรามีการใช้จ่ายเงินมากไปพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลพี่น้องประชาชน 50 กว่าล้านคน ที่ได้รับเงินลงไป ราคาพืชผลทางการเกษตรดีขึ้นเกือบทุกตัว การกู้เงินเต็มเพดานประชาชนได้ประโยชน์ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งหมด 55 ล้านบัญชี เคยให้ประชาชนแบบนี้ไหมครับ

ผมไม่ได้ให้เพื่อซื้อเสียง ผมให้เฉพาะกลุ่มคนที่มีปัญหา ให้อยู่รอด ไปสู่ความพอเพียงและยั่งยืน ดูแลไม่ให้ป่วยและเสียชีวิต ทั้งวัคซีน โรงพยาบาลสนาม และอีกมากมายในถึง 1.5 แสนล้านบาทไปแล้ว ลองไปหาสิ่งที่ดี ๆ มองด้วยตาสองข้าง หูสองหู มันจะได้เห็นอะไรดี ๆ บ้าง

“สรุปแล้ว สิ่งที่ท่านพูดมาทั้งหมด ไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด 100% และไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง ท่านว่าผมทำอะไรไม่สำเร็จสักเรื่อง ผมก็จำเป็นต้องชี้แจง ท่านแรงมา ผมก็พยายามให้แรงน้อยกว่าท่านหน่อย เพราะผมรู้อยู่แล้วว่า ท่านต้องการให้ผมโมโห ให้เกียรติกัน ด้วยคำพูด

ถ้าอยากได้รับเกียรติจากคนอื่นก็ต้องให้เกียรติคนอื่น ถ้าโจมตีในลักษณะให้ร้าย พูดจาส่อเสียด การพูดจาที่ไม่เป็นสุภาพบุรุษ ผมไม่อยากฟังในสภานี้ แต่ผมให้เกียรติสภา ให้เกียรติท่านประธาน ให้เกียรติสมาชิกทุกคน ผมทราบดีว่าท่านคงจะชื่นชมหลายคนที่ทำงานมาก่อน ว่าดีกว่าผม โน่นนี่ ไม่เป็นไรครับ ก็เอากลับมาให้ได้ก็แล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว