สัญญาณอันตราย ที่แม่ตั้งครรภ์ต้องรีบไปพบแพทย์

คอลัมน์ สุขภาพดีกับรามาฯ โดย อ.นพ.วีรภัทร สมชิต

คุณแม่อุ้มท้องต้องดูแลทั้งชีวิตของตัวเองและชีวิตของลูกน้อยในครรภ์ ดังนั้น จึงต้องระวังมากถึงสองเท่า เมื่อมีอาการแปลก ๆ หรือมีความผิดปกติต้องรีบไปพบแพทย์ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้เหมือนในช่วงเวลาที่ไม่มีครรภ์

อาการแปลก ๆ ที่เป็นสัญญาณอันตรายที่คุณแม่มือใหม่ต้องรีบไปพบแพทย์ ได้แก่

1.อาการเลือดออก มีสาเหตุได้หลายอย่าง เช่น การติดเชื้อในช่องคลอด การติดเชื้อในปากมดลูก การมีภาวะรกเกาะต่ำ หรือมีภาวะการเจ็บครรภ์คลอด เมื่อพบว่ามีเลือดออกทางช่องคลอดไม่ว่าอายุครรภ์จะเท่าไหร่ก็ตาม ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ เมื่อรู้สาเหตุก็จะรู้ถึงความสำคัญหรืออันตรายว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นได้บ้าง

2.การดิ้นของลูกในครรภ์ผิดปกติ ปกติทารกในครรภ์จะเริ่มดิ้นเมื่ออายุครรภ์ 20 สัปดาห์ขึ้นไป และเมื่อถึง 28 สัปดาห์จะรู้สึกมากขึ้น บางรายอาจจะรู้สึกเป็นแรงเตะ แรงถีบ หรือแรงขยับแขนขา การที่หมอให้นับจำนวนครั้งของการดิ้นเป็นการประเมินสุขภาพของทารกในครรภ์อย่างหนึ่ง ซึ่งสามารถประเมินได้ด้วยตัวของคุณแม่เอง หากคุณแม่รู้สึกว่าลูกดิ้นน้อยลงหรือวันนี้ยังไม่ดิ้นเลย ก็เป็นอีกหนึ่งอาการที่ควรจะไปพบแพทย์

3.อาการแพ้ท้อง โดยปกติผู้หญิงทุกคนมีโอกาสเกิดอาการแพ้ท้องได้ เพราะการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน อาการที่สังเกตได้ง่าย ๆ คือ คลื่นไส้ อาเจียน พะอืดพะอม เบื่ออาหารหรือเหม็นอาหาร ซึ่งถ้ามีอาการลักษณะนี้แต่ยังรับประทานอาหารได้ ถือเป็นอาการที่ค่อนข้างปกติ เมื่ออายุครรภ์มากเกิน 14 สัปดาห์ อาการพวกนี้จะหายไปโดยธรรมชาติ ส่วนอาการที่ถือว่าผิดปกติ คือ คลื่นไส้ อาเจียน มากจนกินอาหารไม่ได้ น้ำหนักลด ขาดสารอาหาร ขาดน้ำ เช่น ใจสั่น ปัสสาวะออกน้อย พวกนี้ถือว่าผิดปกติ ต้องรีบมาตรวจ อาจจะต้องได้รับสารทดแทนทางน้ำเกลือ หรือให้วิตามินเสริมทางน้ำเกลือ

4.อาการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด โดยปกติหญิงใกล้คลอดในช่วงปลายไตรมาส 2 หรือในช่วงไตรมาส 3 ของการตั้งครรภ์จะมีโอกาสเจ็บครรภ์ ซึ่งการเจ็บครรภ์มี 2 แบบ คือ การเจ็บครรภ์เตือน จะรู้สึกว่ามีท้องแข็งเกิดขึ้นแต่ไม่สม่ำเสมอ พวกนี้จะสัมพันธ์กับการทำงาน เดินนาน ๆ ยืนนาน ๆ บางทีมันกระตุ้นให้มีการเจ็บครรภ์ได้บ้าง เมื่อเราพักก็จะหายไปเอง แบบที่ 2 คือ อาการเจ็บครรภ์สม่ำเสมอ ปวดมากขึ้น แรงขึ้น ความถี่มากขึ้น อาการนี้จะทำให้เข้าสู่กระบวนการคลอดได้ ถ้าปล่อยไว้เรื่อย ๆ ทารกก็จะคลอดออกมามีปัญหาการคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวน้อย

ฉะนั้น เมื่อใดก็ตามที่มีอาการเจ็บครรภ์คลอด ไม่แน่ใจว่ามันถี่ขึ้นหรือเปล่า หรือรู้สึกว่าผิดปกติมากขึ้น ต้องมาตรวจการบีบตัวของมดลูก รวมถึงตรวจภายในเพื่อประเมินดูการเปิดของปากมดลูก คำว่า ท้องแข็ง เป็นคำที่ใช้อธิบายอาการนี้

ให้เข้าใจง่ายขึ้น เป็นการบีบตัวของมดลูกซึ่งเมื่อจะเข้าสู่ภาวะคลอดจะมีการแข็งตัวของมดลูกเกิดขึ้น ท้องจะมีอาการปวด บีบ ๆ เกร็ง ๆ ถ้าเอามือไปจับบริเวณมดลูกจะรู้สึกว่ามันแข็ง อาการนี้โดยทั่วไปจะเป็นอยู่ประมาณ 45-60 วินาทีแล้วจะหายไป ถ้าเข้าสู่กระบวนการคลอดอาการนี้จะกลับมาทุก ๆ 5-10 นาที หรือถี่ขึ้นเป็น 2-3 นาที

5.มีน้ำเดินหรือน้ำคร่ำแตก ซึ่งโดยทั่วไปจะชักนำให้เข้าสู่กระบวนการคลอดได้เร็วขึ้น ถ้าอยู่ในช่วงที่อายุครรภ์ครบกำหนดแล้ว พวกนี้จะแสดงว่าเริ่มที่จะเข้าสู่กระบวนการคลอด พร้อมที่จะคลอดได้ เมื่อไรก็ตามที่มีน้ำคร่ำเดินออกมา หรือมีน้ำใส ๆ ไหลออกจากช่องคลอดออกมา ต้องมาตรวจ เพราะว่าเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่บ่งชี้ว่าใกล้เข้าสู่กระบวนการคลอดแล้ว

นอกจากนั้นอาการที่ผู้หญิงตั้งครรภ์ทุกคนควรสังเกตคือ ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ได้ โดยทั่วไป คืออาการนำของครรภ์เป็นพิษ ถ้ามีอาการปวดศีรษะ ตาพร่ามัว จุกแน่นลิ้นปี่ ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อดูว่ามีภาวะครรภ์เป็นพิษหรือไม่ ส่วนอาการอื่น ๆ

ไม่ว่าจะเป็นมีไข้ ไอธรรมดา ควรพบแพทย์ทั้งหมด เพราะอาการเหล่านี้สามารถกระตุ้นให้เกิดการเจ็บครรภ์คลอดได้ หรืออาจจะมีความผิดปกติร้ายแรงสอดแทรกอยู่

ถ้ามีอาการเหล่านี้ หรือเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือเมื่อไรก็ตามที่ผู้หญิงตั้งครรภ์มีอาการผิดปกติ ไม่แน่ใจควรมาพบแพทย์ ไม่ควรไปซื้อยารับประทานเอง เพราะว่ายาบางอย่างจะมีผลกับทารกในครรภ์ได้

หมายเหตุ – อ.นพ.วีรภัทร สมชิต สาขาวิชาเวชศาสตร์มารดาและทารกปริกำเนิด ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล