“ออนิกซ์” ชี้ดอกเบี้ย (ยัง) สูง ชะลอลงทุนใหญ่-มุ่งรับบริหาร

ออนิกซ์

เพื่อเป็นการรองรับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว “ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป” ยังคงเดินหน้าขยายพอร์ตโรงแรม โดยยึดกลยุทธ์ Quality Growth, Quality Partnerships โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

ดอกเบี้ยสูง-มุ่งรับบริหาร

“ยุทธชัย จรณะจิตต์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ผู้บริหารโรงแรมแบรนด์อมารี ให้ข้อมูลว่า ในปี 2566 นี้จะชะลอการลงทุนขนาดใหญ่ ไม่ลงทุนหลักพันล้านหรือหมื่นล้านบาท เพราะดอกเบี้ยยังสูงมาก

ขณะที่ปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน ค่าครองชีพสูงขึ้น ค่าพลังงานรวมถึงค่าไฟปรับตัวเพิ่มขึ้น ยังส่งผลกระทบให้ธุรกิจต้องปรับตัว เนื่องจากค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น โดยจะหันมาโฟกัสโรงแรมที่มีอยู่ และให้ความสำคัญกับการพัฒนาแบรนด์โรงแรมที่มีอยู่

รวมถึงขยายโรงแรมในลักษณะรับบริหารมากขึ้น เนื่องจากเห็นว่ามีความคล่องตัวมากกว่าการลงทุนก่อสร้างเอง ให้ความสำคัญกับตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกล เช่น ยุโรป ในช่วงไตรมาส 2-3 ของปีนี้มากขึ้น

“เราจะโฟกัสตลาดต่างประเทศมากขึ้น เพราะตลาดการท่องเที่ยวไทยยังมีขนาดเล็กและการแข่งขันด้านราคาที่สูง และยังไม่มีการควบคุมอุปทานด้านการท่องเที่ยวที่เหมาะสม ยกตัวอย่างเช่น โรงแรมในมัลดีฟส์หรือ สปป.ลาว ที่สามารถตั้งราคาขายได้เหมาะสมกว่า”

ออนิกซ์

เพิ่มโรงแรม 11 แห่งใน 3 ปี

“ยุทธชัย” บอกด้วยว่า ในช่วง 2-3 ปีจากนี้ ตั้งเป้าขยายพอร์ตโรงแรมเพิ่มอีก 11 แห่ง โดยเป็นการขยายโรงแรมภายใต้แบรนด์อมารี จับกลุ่มลักเซอรี่ จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ มัลดีฟส์ ญี่ปุ่น ลาว ศรีลังกา และไทย (บางแสน)

นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์ Shama จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ Shama Johor Bahru, Shama Medini Malaysia, Shama Hub Haikou, Shama Hub Metro South และ Shama Hub Qiantang และแบรนด์ OZO 1 แห่ง คือ OZO Medini Malaysia

โดยโรงแรมทั้ง 11 แห่งนี้ออนิกซ์จะใช้รูปแบบการดำเนินธุรกิจ โดยเข้าไปบริหาร แต่สำหรับ Amari Raaya Maldives นั้น บริษัทจะเข้าไปร่วมทุนกับกลุ่มทุนจากอินเดีย

“ในระยะใกล้หรือไตรมาส 4/2566 นี้ ได้เตรียมรีแบรนด์โรงแรมอมารี วอเตอร์เกต สู่อมารี แบงค็อก เพื่อดึงดูดลูกค้ามากขึ้น”

ออนิกซ์

ปี 2566 รายได้ 8.8 พันล้าน

ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2566 บริษัทจะมีรายได้รวม 8.8 พันล้านบาท เติบโต 60% จากปีก่อนหน้า และมีรายได้สูงกว่าปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งทำรายได้ไว้ที่ราว 7 พันล้านบาท

ในจำนวนนี้มาจากแบรนด์อมารี 62.8% แบรนด์ OZO 12.1% แบรนด์ Shama 16.6% และแบรนด์อื่น ๆ อีก 8.5% และในอนาคตตั้งเป้าขยายสัดส่วนรายได้ของแบรนด์ OZO มากขึ้นเป็น 25% และแบรนด์ Shama เป็น 20%

“หากบริษัทสามารถขยายโรงแรมทั้ง 11 แห่งได้ครบตามเป้าหมายในอีก 2-3 ปี เชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทสูงถึง 1 หมื่นล้านบาท”

ออนิกซ์

แนะมุ่งนักท่องเที่ยวคุณภาพ

“ยุทธชัย” ยังเสนอด้วยว่า ภาครัฐควรให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวคุณภาพมากกว่าปริมาณ รวมถึงสนับสนุนให้สายการบินกลับมาให้บริการมากขึ้น โดยทำการบินเข้ากรุงเทพฯ และกระจายไปยังหัวเมืองใหญ่ ๆ

โดยการฟื้นตัวของสายการบินต้นทุนต่ำ จะส่งผลต่อการฟื้นตัวของธุรกิจเช่นกัน เนื่องจากสายการบินดังกล่าวทำการบินในภูมิภาค ซึ่งตรงกับตลาดที่กลุ่มออนิกซ์ให้ความสำคัญ

ทั้งนี้ ออนิกซ์เองก็ได้มีความร่วมมือกับหลากหลายสายการบิน เช่น สิงคโปร์แอร์ไลน์ส, ไทย ไลอ้อน แอร์, ไทยสมายล์ เพื่อจัดกิจกรรมทางการตลาดดึงดูดนักท่องเที่ยวร่วมกัน

ออนิกซ์

ในปี 2565 ที่ผ่านมา ฐานลูกค้าของกลุ่มออนิกซ์ ประกอบด้วย นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 80% โดย 3 อันดับแรก ได้แก่ สหราชอาณาจักร เยอรมนี และรัสเซีย

ทำให้มีรายได้เฉลี่ยต่อห้องที่ขายได้ในแต่ละช่วง (ADR) มากกว่า 3,000 บาท สูงกว่าปี 2562 ก่อนการระบาดของโควิด-19 ไปแล้ว