ททท. เร่งฝ่าปัจจัยลบ ปั๊มนักท่องเที่ยวจีนสู่เดือนละล้านคน

ท่องเที่ยวจีน

ปี 2562 ช่วงก่อนวิกฤตโควิดประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาราว 11 ล้านคน หรือเฉลี่ยที่ราว 8 แสน-1 ล้านคนต่อเดือน โดยไฮซีซั่นของตลาดจีนเที่ยวไทยอยู่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน และช่วงวันชาติจีน หรือ golden week (ตุลาคม)

สำหรับปี 2566 นี้จีนได้ประกาศเปิดประเทศเมื่อ 8 มกราคม และอนุญาตให้ “กรุ๊ปทัวร์” ออกเดินทางได้ตั้งแต่ 6 กุมภาพันธ์ ทำให้ในช่วง 4 เดือนแรก (1 ม.ค.-30 เม.ย. 66) มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนสะสม 843,920 คน

จีนเข้าไทย 1.2-1.5 หมื่นคนต่อวัน

“ฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา” รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ข้อมูลว่านับตั้งแต่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นชัดเจน ปัจจุบันมีอัตราเฉลี่ยที่ประมาณ 1.2-1.5 หมื่นคนต่อวัน เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อน 6 กุมภาพันธ์ 2566 ที่มีประมาณ 2,500 คนต่อวัน

โดยในจำนวนนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) และกรุ๊ปทัวร์อยู่ที่ 50 : 50 กลุ่มที่ ททท.มุ่งเน้นคือ กลุ่มนักท่องเที่ยว FIT ที่เป็นกลุ่มที่มีรายได้สูง เที่ยวแบบส่วนตัว นิยมใช้ Social Media ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ (Gen Z) หรือนักธุรกิจ ขณะเดียวกันในส่วนของกลุ่ม “กรุ๊ปทัวร์” ก็ยังให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

“ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวจากเมืองใหญ่ เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เสิ่นเจิ้น จะเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่ม FIT ส่วนคนจีนที่อยู่ในเมืองรองระดับ 2-3 อาทิ ซีอาน หนานหนิง ฯลฯ ส่วนใหญ่ยังนิยมเดินทางเป็นแบบกรุ๊ปทัวร์ และเป็นกลุ่มเดินทางครั้งแรก ซึ่งยังคงเดินทางสม่ำเสมอเช่นกัน”

แนวโน้มจำนวนเพิ่มต่อเนื่อง

“ชูวิทย์ ศิริเวชกุล” ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก ททท. เสริมว่า จากการประเมินสถานการณ์ในขณะนี้มั่นใจว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทยยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 2-3 และไตรมาส 4

ข้อมูลจากรายงานของ China Youth Daily (29 เม.ย. 66) ระบุว่า การเดินทางระหว่างประเทศของนักท่องเที่ยวจีนช่วงวันแรงงาน (วันที่ 29 เม.ย.-3 พ.ค. 66) ที่ผ่านมาคนจีนมีการจองบัตรโดยสารเครื่องบินระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 9 เท่าจากปี 2565 คิดเป็นอัตราการฟื้นตัวมากถึง 45%

โดยจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวจีนเดินทางท่องเที่ยว เป็นจุดหมายปลายทางระยะสั้น ได้แก่ มัลดีฟส์ ไทย เกาะบาหลี และดูไบ และกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักที่เดินทางในช่วงระยะเวลาดังกล่าว คือวัยรุ่นและวัยทำงาน (อายุ 18-40 ปี) จำนวน 70% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด โดยนิยมเดินทางแบบ FIT หรือกลุ่มขนาดเล็กแบบ Tailored-Made

คาดทั้งปี นทท.จีน 5.3 ล้านคน

“ชูวิทย์” บอกด้วยว่า ปัจจุบันภาพรวมด้านดีมานด์ของตลาดจีนยังมีสูงมาก แต่ก็ยอมรับว่าตลาดจีนยังมีปัจจัยลบอยู่บ้าง เช่น ปัญหาสายการบินที่ยังกลับมาไม่เต็มที่ หรือปัญหาเรื่องข้อจำกัดในเรื่องของวีซ่า

โดยในส่วนของจำนวนที่นั่งสายการบินนั้นพบว่าตารางบินจากจีนเข้าประเทศไทยระหว่างเดือนเมษายน-ตุลาคม 2566 (คำนวณ ณ ปัจจุบัน) มีจำนวน 6 ล้านที่นั่ง (ดูตารางประกอบ) ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความพร้อมของซัพพลายไซด์ ทั้งในฝั่งจีนและไทย เช่น ขีดความสามารถในการรองรับของบริการภาคพื้นดิน (Ground Handing) ซึ่งสายการบินในฝั่งจีนมีแผนเพิ่มเส้นทางและเที่ยวบินให้มากยิ่งขึ้นในอนาคต

คาดว่าตลอดทั้งปีนี้ประเทศไทยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนรวมราว 5.3 ล้านคน และสร้างรายได้ประมาณ 446,000 ล้านบาท

“ความท้าทายของเป้าหมาย 7 ล้านคนตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้นั้นคงต้องรอประเมินจำนวนที่นั่งของสายการบิน winter slot ที่จะเริ่มต้นในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2566-ปลายมีนาคม 2567 ว่าจะฟื้นกลับมาได้มากแค่ไหน”

ตาราง จำนวนที่นั่งสายการบิน

รุกเคลียร์ “วีซ่ากรุ๊ป-ศูนย์เหรียญ”

สำหรับประเด็นปัญหาเรื่อง “วีซ่ากรุ๊ป” นั้น “ชูวิทย์” ยอมรับว่าน่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดข้อจำกัดในเรื่องของขั้นตอนการยื่นขอวีซ่า และส่งผลกระทบต่อปริมาณการอนุมัติ แต่เชื่อว่าปัญหาหานี้จะเป็นปัจจัยลบระยะสั้น โดยภายในสัปดาห์นี้ทางผู้ว่าการ ททท. ได้ไปเจรจาเพื่อหาแนวทางการทำงานร่วมกันกับกระทรวงการต่างประเทศแล้ว คาดว่าน่าจะมีข้อสรุปเร็ว ๆ นี้

โดยย้ำว่า ที่ผ่านมาสาธารณรัฐประชาชนจีน เพิ่งเปิดประเทศได้แค่ 4 เดือน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องการอนุมัติวีซ่ายังอยู่ในช่วงปรับตัว แต่เชื่อว่ากระทรวงการต่างประเทศจะทำการปรับระบบเพื่อรองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเร็ว ๆ นี้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนยังสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยโดยใช้ visa on arrival (VOA) ได้อีก 1 ช่องทางด้วย

ส่วนประเด็นเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญนั้น “ชูวิทย์” ให้ข้อมูลว่านับตั้งแต่จีนเปิดประเทศกระแสของ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” มีสัญญาณไม่ชัดเจนนัก ส่วนใหญ่จะออกมาในรูปแบบของการทำการตลาด ซึ่งจะให้นักท่องเที่ยวเลือกระหว่างโปรแกรมที่มีช็อปปิ้งและไม่มีช็อปปิ้งมากกว่า

ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น ขณะที่กลุ่มที่เดินทางเป็น “กรุ๊ปทัวร์” ส่วนใหญ่ก็จะมีขนาดเล็กลง เปลี่ยนมาใช้รถตู้มากกว่ารถบัสเหมือนในอดีต

ทำตลาด-เรียกคืนความเชื่อมั่น

อย่างไรก็ตาม ในส่วน ททท.ซึ่งรับผิดชอบในด้านการกระตุนดีมานด์ยังคงเดินหน้าทำการตลาดต่อเนื่องทั้งออฟไลน์-ออนไลน์ โดยหลังจากที่จีนเปิดประเทศได้จัดโรดโชว์กระตุ้นตลาดไปแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกที่นครเซี่ยงไฮ้ นครเฉิงตู และนครกว่างโจว เมื่อเดือนกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และครั้งที่ 2 ที่นครฉงชิ่ง กรุงปักกิ่ง และหนานจิง เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

และเพื่อกระตุ้นการเดินทางและเปิดตลาดสู่นักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ ล่าสุด ททท.ได้จัดทำภาพยนตร์โฆษณาชุด Unboxing Thailand 2023 และเริ่มเผยแพร่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ในจีน ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2566 ซึ่งได้รับกระแสตอบรับในทิศทางที่ดีเช่นกัน

นอกจากนี้ ททท.ยังมีแผนจัดงานแถลงข่าวร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำเสนอข้อมูลเรื่องมาตรการในการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว โดยได้เชิญสื่อมวลชนไทย สื่อมวลชนจีนในประเทศไทย และ KOls Influencers จากประเทศจีนจำนวน 90 คน เข้าร่วมงานในวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 นี้ เพื่อประชาสัมพันธ์มาตรการในการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวของไทย

รวมถึงสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวจีนด้วยการมุ่งนำเสนอสินค้าท่องเที่ยวที่มีความปลอดภัยและมีคุณภาพจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ได้มาตรฐาน ผ่านกิจกรรมส่งเสริมการตลาดรูปแบบต่าง ๆ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและกระตุ้นการตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย

จากแผนดังกล่าวนี้ทำให้เชื่อมั่นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนสะสมจะทะลุ 1 ล้านคนได้ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคม 2566 นี้ และหวังว่าจะได้เห็นนักท่องเที่ยวจีนกลับมาที่เดือนละ 1 ล้านคน ใกล้เคียงกับปี 2562 ในเดือนตุลาคม 2566 นี้