เหตุยิงพารากอนทุบท่องเที่ยวไฮซีซั่น ลุ้นรัฐบาลเศรษฐาเดินหน้าปลุกมู้ดเฟส 2

ท่องเที่ยวไทย

เหตุยิงพารากอนกระทบท่องเที่ยว คาดไตรมาสสุดท้ายนักท่องเที่ยววูบ 1 ล้านคน เศรษฐกิจเสียหาย 5 หมื่นล้านบาท ททท.เร่งบริหารภาพลักษณ์ด้านลบ เรียกคืนความเชื่อมั่น ยันเดินสายโรดโชว์จีนกลางเดือนตุลาฯ ตามแผนเดิม คนวงการฟันธงส่งผลกระทบช่วงไฮซีซั่น 3 เดือนสุดท้ายแน่นอน ประธาน สทท. แนะเร่งเยียวยาเร่งด่วนแบบไม่มีเงื่อนไข เผย “วีซ่าฟรี” สัปดาห์แรกจีนแห่เข้าไทยเพิ่ม 72.49% 

จากเหตุการณ์เยาวชนชาย อายุ 14 ปี ก่อเหตุยิงกลางห้างสยามพารากอน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนหนึ่ง โดยหนึ่งในจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บส่วนหนึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาเที่ยวเมืองไทย หลังจากรัฐบาลไทยประกาศมาตรการยกเว้นวีซ่า (Visa Excemption) หรือวีซ่าฟรี ให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนและคาซัคสถานได้เพียงแค่ 9 วันเท่านั้น

นนท.จีนลดฮวบ 50%

นายกิตติ พรศิวะกิจ กรรมการ (บอร์ด) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และรองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” จากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ณ วันที่ 6 ตุลาคม 2566 พบว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์พารากอนพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมีแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจน จากที่มีตัวเลขพุ่งสูงเป็นวันละ 17,000-18,000 คน ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2566 กลับมาอยู่ในตัวเลขระดับวันละ 8,000 คนต่อวัน ในวันที่ 5 ตุลาคม 2566 ทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ใน Golden Week และมีวีซาฟรี

โดยวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ก่อนเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาจำนวน 17,943 คน วันที่ 2 ตุลาคม วันเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวจีน 15,326 คน วันที่ 3 ตุลาคม หลังเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวจีน 13,453 คน วันที่ 4 ตุลาคม มีนักท่องเที่ยวจีน 11,525 คน และวันที่ 5 ตุลาคม จำนวนนักท่องเที่ยวจีนปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 8,843 คน จากยอดบุ๊กกิ้งเดิมที่คาดว่าจะเข้ามาประมาณ 12,000 คน

จากแนวโน้มดังกล่าวนี้คาดการณ์ว่าจะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือนตุลาคมนี้ลดลงไปประมาณ 350,000 คน และดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ลดลงประมาณ 210,000 คน จากเป้าเดิมที่คาดไว้ที่ 700,000 คนต่อเดือนในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ หรือลดลงไปประมาณ 770,000 คน 

“เป้าหมายเดิมรัฐบาลคาดการณ์ไว้ว่าจากมาตรการวีซ่าฟรีจะนำพานักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเฉลี่ย 700,000 คนต่อเดือน รวม 3 เดือนสุดท้าย (ตุลาคม-ธันวาคม 2566) เป็น 2.1 ล้านคน หลังเกิดเหตุอาจทำให้ลดลงเหลือ 1.32 ล้านคน หายไป 770,000 คน” นายกิตติกล่าว

และว่าขณะเดียวกันเหตุการณ์นี้ยังทำให้นักท่องเที่ยวชาติอื่น ๆ ชะลอการเดินทางไปด้วย อาทิ เกาหลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย ดังนั้น หากไม่มีมาตรการอื่นกระตุ้นเพิ่มเติม อาจทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมใสนไตรมาสสุดท้ายปีนี้หายไปราว 1 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าราว 50,000 ล้านบาท

ไปโรดโชว์จีนกลาง ต.ค.นี้ ตามแผนเดิม

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ททท.จะเร่งดำเนินการร่วมกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่เพื่อยกระดับความปลอดภัยทุกพื้นที่ รวมถึงการสื่อสารภาพลักษณ์และความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว 

โดยในระยะสั้นนี้จะเน้นการบริหารจัดการภาพลักษณ์ด้านลบที่จะเกิดขึ้นกับการท่องเที่ยว ขณะที่ ระยะยาวต้องทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อไป

ขณะที่นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ก่อนหน้านี้ ททท.มีแผนนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยไปโรดโชว์ และพบปะกับผู้ประกอบการฝั่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้

 โดยในงานนี้ ททท.ได้เตรียมลงนามบันทึกความร่วมมือ (Memorandum of Cooperation : MOC) กับเอกชนท่องเที่ยวจีน ขับเคลื่อนประเด็นการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวด้วย ซึ่งขณะนี้แผนดังกล่าวนี้ยังคงเดินหน้าเหมือนเดิม ยังไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด

กระทบ 3 เดือนสุดท้ายไฮซีซั่น

แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการนำเที่ยวรายหนึ่งเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เหตุการณ์นี้แม้จะไม่รุนแรงเท่ากับเหตุการณ์ระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์ เมื่อกลางปี 2558 หรือเหตุการณ์เรือฟินิกซ์ล่มที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อกลางปี 2561 แต่ส่งผลกระทบในมุมของความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน และคาดว่าจะส่งผลกระทบช่วงไฮซีซั่น หรือในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้แน่นอน

“ตอนนี้ต้องดูว่ารัฐบาลไทยบริหารจัดการวิกฤตความเชื่อมั่นครั้งนี้ได้ดีแค่ไหน หรือจะเดินหน้ากระตุ้นเฟส 2 ต่ออย่างไร หากสามารถจัดการได้ดี และรัฐบาลจีนเข้าใจก็น่าจะเกิดผลกระทบในระยะสั้น แต่หากการบริหารจัดการไม่เป็นที่พอใจของผู้ประสบเหตุและญาติ รวมถึงรัฐบาลจีน เชื่อว่าจะส่งผลในระยะยาวแน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลจีนก็ไม่ได้ปล่อยให้ประชากรของเขาเดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศมากนัก” แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวรายนี้กล่าวด้วยว่า ในอดีตเหตุการณ์ระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์ กระทบหนักต่อความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 3 เดือน ขณะที่กรณีเรือฟินิกซ์ล่มที่จังหวัดภูเก็ตส่งผลกระทบยาวถึงกว่า 6 เดือน

สอดรับกับนายสุรวัช อัครวรมาศ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ที่กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกเผยแพร่ในสื่อโซเชียลของจีนอย่างรวดเร็วมาก คาดการณ์ว่าเหตุการณ์นี้น่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในระยะสั้น หรือประมาณ 3 เดือน ใกล้เคียงกับเหตุการณ์ระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์ 

ขณะเดียวกันก็สะท้อนปัญหาเรื่องความปลอดภัยจากการเดินทางมาเที่ยวในเมืองไทย หลังจากก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือในสื่อโซเชียลของจีนว่ามาเที่ยวประเทศไทยไม่ปลอดภัย ทั้งเรื่องถูกหลอกไปขายอวัยะ ถูกหลอกและส่งให้ไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงการถูกทำร้ายร่างกาย ฯลฯ

“โดยส่วนตัวมองว่าประเด็นเรื่องความไม่ปลอดภัย เป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนไม่มาเที่ยวไทยในช่วงที่ผ่านมา มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่มองว่าปัญหาอยู่ที่ความยุ่งยากในการขอวีซ่าออนไลน์ เพราะนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยเกือบ 90% เดินทางเข้ามาแบบใช้ Visa on Arrival หรือตรวจลงตราวีซ่าหน้าด่านตรวจคนเข้าเมือง ไม่ได้ยื่นขอวีซ่าที่สถานทูต” นายสุรวัชกล่าว

แนะเร่งเยียวยาแบบไร้เงื่อนไข

นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เหตุการณ์ครั้งนี้แม้จะเป็นเหตุสุดวิสัยที่ทุกฝ่ายไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว รัฐบาลและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องประสานงานด้านการเยียวยาผู้ประสบเหตุอย่างเร่งด่วน และต้องไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้นก่อน 

จากนั้นค่อยมาวางแนวยกระดับความปลอดภัยในระยะยาวต่อไป ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นกระทบต่อการตัดสินใจเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยแน่นอน ส่วนจะมากแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลไทยเราสามารถบริหารจัดการได้ดีและเร็วแค่ไหน

อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อมั่นว่าปี 2566 นี้ ประเทศไทยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 26 ล้านคน หรือประมาณ 2 ล้านคนต่อเดือน ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ส่วนจะขยับได้มากถึง 28-30 ล้านคนได้หรือไม่ ยังมีตัวแปรที่คาดการณ์ยากอีกหลายปัจจัย โดยเฉพาะแนวโน้มของตลาดนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งมีมาตรการยกเว้นวีซ่า หรือวีซ่าฟรี เป็นตัวกระตุ้นสำคัญอยู่ในขณะนี้

วีซ่าฟรีสัปดาห์แรกจีนบวก 72.49%

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลของกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ข้อมูล ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา พบว่าในช่วงสัปดาห์แรกหลังจากประกาศมาตรการ Visa Exemption หรือวีซ่าฟรี มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จากเฉลี่ยประมาณ 7,000-9,000 คน ในช่วง 1-24 กันยายน 2566

โดยวันที่ 25 กันยายน 2566 ที่เป็นวันแรกของการใช้มาตรการดังกล่าว มีนักท่องเที่ยวจีน 10,988 คน วันที่ 26 กันยายน 2566 มีนักท่องเที่ยวจีน 11,160 คน วันที่ 27 กันยายน 2566 มีนักท่องเที่ยวจีน 14,647 คน วันที่ 28 กันยายน 2566 มีนักท่องเที่ยวจีน 15,961 คน วันที่ 29 กันยายน 2566 มีนักท่องเที่ยวจีน 17,733 คน วันที่ 30 กันยายน 2566 มีนักท่องเที่ยวจีน 18,040 คน และวันที่ 1 ตุลาคม 2566 มีนักท่องเที่ยวจีน 17,943 คน

กล่าวคือ สัปดาห์แรกหลังวีซ่าฟรี (24 กันยายน-1 ตุลาคม 2566) นักท่องเที่ยวจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น 44,744 คน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 72.49 เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า

อนึ่ง ข้อมูล ณ วันที่ 2 ตุลาคม 2566 พบว่า ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา รวมทั้งสิ้น 20,051,535 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 839,409 ล้านบาท