“ไมเนอร์” จี้รัฐปลดล็อกประเทศ ยันสาธารณสุขไทยรับไหว

“ไมเนอร์” จี้รัฐบาลเร่งเปิดประเทศ ! ขู่ไทยจะตายจากมหันตภัยทางเศรษฐกิจมากกว่าโควิด-19 ชี้รัฐต้องโฟกัสเยียวยาผู้ประกอบการ-แรงงาน ยืดอายุเงินชดเชยประกันสังคม รักษาการจ้างงานยกเคสสิงคโปร์-ออสเตรเลียเทียบ เชื่อมั่นสาธารณสุขไทยรับมือการแพร่ระบาดไหว ยันเลือกปิดบางพื้นที่ได้

นายวิลเลียม อี.ไฮเน็ค ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ผู้บริหารโรงแรมในเครือไมเนอร์ โฮเทลเปิดเผยว่า ประเทศไทยจำเป็นจะต้องเร่งดำเนินการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะแม้ว่าไทยจะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการเปิดประเทศ แต่ถ้าหากยังคงยืนยันที่จะปิดประเทศต่อไป ทั่วทั้งประเทศจะตายจากมหันตภัยทางเศรษฐกิจมากกว่าจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

โดยรายละเอียดแผนดำเนินการเปิดประเทศของไทยที่กำหนดให้มีการกักตัว 14 วันนั้นต่างกับแผนการของหลายประเทศทั่วโลกที่เร่งลดวันกักตัวให้สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ด้วยมีนักท่องเที่ยวจากนานาชาติจำนวนมากที่มีปัจจัยในการเดินทางหลายอย่างที่ทำให้ไม่สามารถกักตัว 14 วันได้ ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลายกลุ่มที่จะสามารถช่วยเหลือเศรษฐกิจไทยได้ไม่สามารถเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย

นายวิลเลียมกล่าวว่า แม้แต่สิงคโปร์และหลายประเทศในอาเซียนก็ทราบดีว่าจะต้องเร่งเปิดประเทศโดยเร็วและลดจำนวนวันกักตัวให้เหลือสั้นที่สุด ไปพร้อม ๆ กับการเฝ้าระวังเรื่องความปลอดภัยอย่างเต็มที่ ตอนนี้โรงพยาบาลในไทยว่างเปล่า เพราะไทยประสบความสำเร็จอย่างสูงในการจัดการโรค แต่ความสำเร็จนั้นไม่สามารถช่วยกู้ชีพไทยในเวลานี้ได้

“กลุ่มไมเนอร์หวังว่าเราจะผ่านจุดต่ำสุดของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยไปแล้ว แต่เราต้องการให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเปิดประเทศอย่างปลอดภัยและรวดเร็ว ในอนาคตถ้าไทยเปิดประเทศแล้วประสบปัญหาก็สามารถกลับไปล็อกดาวน์อีกครั้งได้ แต่ไม่ใช่การล็อกดาวน์ทั่วทั้งประเทศแบบนี้ อย่างกรณีออสเตรเลียและยุโรปหลายพื้นที่ที่มีการติดเชื้อเพิ่มก็กลับไปล็อกดาวน์ซ้ำเฉพาะพื้นที่ เช่นเดียวกันถ้าภูเก็ต พัทยา หรือกรุงเทพฯ มีปัญหา เราก็ปิดแค่บริเวณดังกล่าว ไม่จำเป็นจะต้องล็อกดาวน์ทั่วทั้งประเทศ และเมื่อสถานการณ์กลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมก็สามารถเปิดพื้นที่ดังกล่าวได้อีกครั้ง” นายวิลเลียมกล่าว

และว่าส่วนตัวนั้นมั่นใจในสาธารณสุขไทยว่ามีความสามารถเพียงพอต่อการเผชิญหน้ากับสถานการณ์ทุกรูปแบบ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ทั้งโรงพยาบาลในไทยและเครื่องมือทางด้านสาธาณสุขล้วนไม่ได้ใช้งาน เพราะไร้ผู้ติดเชื้อ เช่นเดียวกับที่การทดสอบวัคซีนในไทยเป็นไปได้ยากยิ่งกว่าเพราะไม่มีผู้ติดเชื้อสำหรับทดลองวัคซีนมากพอ ดังนั้น ในตอนนี้รัฐบาลจึงควรโฟกัสเรื่องการเปิดประเทศ เพราะปัจจุบันสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการจ้างงานแย่ลงทุกขณะ

“เราจะดำเนินการบริหารสภาพคล่องและรักษากระแสเงินสดต่อไป แต่รัฐบาลก็จะต้องให้การสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นการขยายระยะเงินชดเชยของกองทุนประกันสังคมให้ยาวนานกว่า3 เดือน ทุกประเทศไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร สเปน และอีกหลายประเทศสนับสนุนการให้เงินชดเชยจากกองทุนประกันสังคมที่ยาวกว่านั้น เพราะการระบาดของโควิด-19 ก็ไม่ได้จบลงใน 3 เดือน”

นายวิลเลียมกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ล่าสุด ไมเนอร์ โฮเทล ได้ร่วมกับบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) และศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ เครือโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ในการเปิดตัว RAKxa หรือรักษ (รัก-ษะ) ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวม มูลค่า 2,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 200 ไร่โดยจะแบ่ง 20% เป็นพื้นที่รักษาและบ้านพักฟื้นจำนวน 60 ยูนิตในแบบวิลล่า ได้แก่ การ์เด้นวิลล่า พื้นที่ 80 ตารางเมตรพูลวิลล่า พื้นที่ 101 ตารางเมตร, อยู่ดีเรสซิเดนซ์ และมีสุข เรสซิเดนซ์ พื้นที่ 400 ตารางเมตร โดยจะไม่มีการก่อสร้างอาคารสูงตามข้อกำหนดทางกฎหมาย

ส่วนพื้นที่ที่เหลืออีก 80% จะแบ่งเป็นพื้นที่พัฒนาทะเลสาบและที่เหลือทั้งหมดจะเป็นพื้นที่สวนสวยสำหรับใกล้ชิดธรรรมชาติ โดยในเฟสแรกของโครงการได้พัฒนาไปแล้วทั้งสิ้น 60 ไร่ และมีบ้านพักพร้อมเข้าพักแล้ว จำนวน 27 ยูนิต ซึ่งจะเปิดให้บริการในเดือนธันวาคมนี้