นักการทูตรัสเซียกำหนดเงื่อนไข หาก UN จะนำผู้ตรวจการจาก IAEA เข้าตรวจสอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปรีเจียของยูเครน
วันที่ 16 สิงหาคม 2565 เดอะการ์เดียนรายงานว่า โฆษกเลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า UN มีความสามารถด้านโลจิสติกส์และความปลอดภัยเพื่อรับรองการเยือนของผู้ตรวจจากทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ที่โรงไฟฟ้าซาโปรีเจียของยูเครน แต่นักการทูตรัสเซียได้กำหนดเงื่อนไข โดยระบุว่าการกำหนดเส้นทางภารกิจใด ๆ หากผ่านเมืองหลวงของยูเครนจะเป็นอันตรายเกินไป
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
“สเตฟาน ดูจาร์ริก” โฆษกเลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า ในการติดต่ออย่างใกล้ชิดกับ IAEA ทางสำนักเลขาธิการสหประชาชาติประเมินว่า ทางสำนักเลขาฯมีความสามารถด้านโลจิสติกส์และความปลอดภัยที่จะรองรับภารกิจต่าง ๆ ของ IAEA ต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปรีเจีย
แต่เขายืนยันว่า ทั้งรัสเซียและยูเครนต้องตกลงกันก่อน
อย่างไรก็ตาม นักการทูตอาวุโสของรัสเซียกล่าวว่า ภารกิจของ IAEA ไม่สามารถดำเนินการโดยใช้ทางผ่านกรุงเคียฟ รวมถึงพื้นที่แนวหน้าการสู้รบ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อันตรายเกินไป
ด้าน RIA สื่อทางการรัสเซียรายงานอ้างคำพูดของ “อิกอร์ วิชเนเวตสกี้” รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์และการควบคุมอาวุธ กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ที่ให้สัมภาษณ์ว่า
“ลองนึกภาพว่าการผ่านกรุงเคียฟหมายความว่าอย่างไร หมายความว่าพวกเขาเข้าไปถึงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ผ่านแนวหน้า นี่เป็นความเสี่ยงอย่างมาก เนื่องจากกองกำลังติดอาวุธของยูเครนไม่ได้สร้างขึ้นในลักษณะเดียวกันทั้งหมด”
สำนักข่าว Tass ของรัสเซีย รายงานอ้างคำพูดของวิชเนเวตสกี้ที่กล่าวว่า ภารกิจของ IAEA ไม่มีหน้าที่ในการจัดการกับ “การทำให้ปลอดทหาร” ภายในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ตามที่ทางการยูเครนเรียกร้อง
ก่อนหน้านี้ “อันโตนิโอ กูเตอร์เรส” เลขาธิการ UN ออกมาเรียกร้องให้ยุติกิจกรรมทางทหารรอบโรงไฟฟ้าดังกล่าว
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปรีเจียเป็นโรงไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ถูกทหารรัสเซียยึดครองในช่วงวันแรก ๆ ที่รัสเซียบุกยูเครน และยังคงเป็นแนวหน้าการสู้รบตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
โรงงานดังกล่าวถูกระดมยิงใส่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยทั้งทางการรัสเซียและทางการยูเครนต่างโทษว่าอีกฝ่ายอยู่เบื้องหลังความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์