Tesla ลุยต่อ เตรียมเปิดตัวรถอีวี เน็กซ์เจน 1 มีนาคมนี้

Tesla เทสลา

“เทสลา” ประกาศผลประกอบการปี 2565 ไตรมาสสุดท้ายกวาดรายได้เกือบ 8 แสนล้านบาท “อีลอน มัสก์” ยอมรับแนวโน้มราคารถเทสลาจะถูกลง ตั้งเป้าผลิตปีนี้ขั้นต่ำ 1.8 ล้านคัน แย้มเตรียมเปิดตัวรถอีวี เน็กซ์เจนเนอเรชั่น 1 มีนาคม 2566

วันที่ 26 มกราคม 2566 สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า บริษัท เทสลา อิงก์ ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/2565 รายได้อยู่ที่ 24.32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7.9 แสนล้านบาท) ซึ่งที่ทั้งสูงกว่าตลาดคาดการณ์ทั้งในแง่รายได้และกำไร สำหรับรายได้เฉพาะในส่วนของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ในไตรมาส 4/2565 อยู่ที่ 21.3 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นการเติบโต 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยในปี 2565 รายได้ในส่วนของยานยนต์ไฟฟ้าของเทสลาอยู่ที่ 71,462 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.32 ล้านล้านบาท) กำไรสุทธิ 20,354 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 661,505 ล้านบาท)

โดยอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจยานยนต์ของเทสลาในไตรมาส 4/2565 อยู่ที่ 25.9% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในช่วง 5 ไตรมาสที่ผ่านมา รวมถึงกระแสเงินสดจากการดำเนินงานลดลง 29% จากปีที่แล้ว และลดลง 36% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยอยู่ที่ 3.28 พันล้านดอลลาร์

Tesla เทสลา

นอกจากนี้บริษัทยอมรับว่าราคาขายเฉลี่ยของรถเทสลา “โดยทั่วไปอยู่ในเส้นทางที่ลดลงเป็นเวลาหลายปี” ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเทสลาในการที่จะเติบโตเป็นบริษัทที่ขายรถยนต์ได้หลายล้านคันต่อปี โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา เทสลามียอดการผลิตอยู่ที่ 1,369,611 คัน

รายงานข่าวระบุว่า ในช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมาจนถึงต้นปีนี้ เทสลาลดราคารถยนต์ทั่วโลก ทำให้ลูกค้าในสหรัฐอเมริกาและจีนไม่พอใจที่เพิ่งซื้อเทสลาใหม่ในราคาที่สูงขึ้น และทำให้ราคาเทสลามือสองในสหรัฐลดลงทันทีเช่นกัน

ขณะที่ “อีลอน มัสก์” ซีอีโอของเทสลา ได้ตอบคำถามผู้ถือหุ้นและนักวิเคราะห์ในการแถลงผลประกอบการเมื่อ 25 มกราคม 2566 ว่า “จนถึงตอนนี้ (เดือนมกราคม) เราได้เห็นคำสั่งซื้อที่แข็งแกร่งที่สุดในแต่ละปีมากกว่าที่เคยเป็นมาในประวัติศาสตร์ของเรา ซึ่งขณะนี้เทสลามีคำสั่งซื้อเกือบสองเท่าของอัตราการผลิต”

พร้อมระบุว่าบริษัทกำลังวางแผนที่จะเพิ่มการผลิตให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยสอดคล้องกับเป้าหมายอัตราการเติบโต 50% ต่อปี จากที่ได้เริ่มต้นเมื่อปี 2564

โดยปีนี้เทสลาตั้งเป้ายอดการผลิตรถอีวีไว้ที่ 1.8 ล้านคัน ซึ่งนักวิเคราะห์ตั้งคำถามว่า เทสลามีการขยายโรงงานและเพิ่มกำลังการผลิตจำนวนมาก ทำไมแผนการผลิตในปี 2566 จึงอยู่แค่ 1.8 ล้านคัน ซึ่ง “อีลอน มัสก์” ตอบว่า “เรากำลังพูดว่า 1.8 ล้านคัน เพราะมักจะมีเหตุสุดวิสัยบางอย่างเกิดขึ้นบนโลกเสมอ เราไม่สามารถควบคุมได้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหว สึนามิ สงคราม โรคระบาด ฯลฯ หากเป็นปีที่ราบรื่น โดยไม่มีการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานขนาดใหญ่หรือปัญหาใหญ่ เราก็มีศักยภาพในการผลิตรถยนต์ได้ถึง 2 ล้านคันในปีนี้ และคิดว่าความต้องการของตลาดก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน”

ทั้งนี้เทสลาระบุว่า ตั้งเป้ากำลังการผลิตรถยนต์อีวีในปีนี้ประมาณ 1.8 ล้านคัน โดยโรงงานเทสลาในเซี่ยงไฮ้ สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Model 3 และ Model Y ได้ 750,000 คันต่อปี ขณะที่โรงงานแห่งแรกในฟรีมอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Model S และ X ที่มีราคาสูงกว่าได้ 100,000 คันต่อปี และรุ่น Model 3 และ Y จำนวน 550,000 คันต่อปี สำหรับโรงงานในเมืองออสติน รัฐเทกซัส และโรงงานในประเทศเยอรมนี แต่ละแห่งมีความสามารถการผลิตรถยนต์ Model Y ปีละ 250,000 คัน


นอกจากนี้ในรายงานผลประกอบการของเทสลา ยังได้ระบุถึงรถอีวี เน็กซ์ เจนเนอเรชั่นของเทสลาที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ว่าจะมีการเปิดเผยและให้รายละเอียดเพิ่มเติมในวันที่ 1 มีนาคม 2566 นี้