แม้เศรษฐกิจสหราชอาณาจักรอยู่ในม่านหมอกมาหลายไตรมาสติดต่อกัน แต่เมื่อต้องเลือกระหว่างการพยุงเศรษฐกิจไม่ให้เข้าสู่ภาวะถดถอย กับการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสู้กับเงินเฟ้อซึ่งเสี่ยงจะทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย – ผู้กำหนดนโยบายของสหราชอาณาจักรยังคงให้ความสำคัญกับการต่อสู้อัตราเงินเฟ้อมากกว่า
การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหราชอาณาจักร (Bank of England: BOE) เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2023 คณะกรรมการฯมีมติไม่เอกฉันท์ด้วยเสียง 5 ต่อ 2 ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% เพื่อเพิ่มความพยายามในการจัดการกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงอย่างดื้อรั้น หลังตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมที่เปิดเผยหนึ่งวันก่อนหน้ายังคงสูงสาหัสที่อัตรา 8.7% กดดันให้ธนาคารกลางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขึ้นดอกเบี้ยแรง ๆ เพื่อตอบโต้
- พระราชประวัติ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ วันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- ด่วน! โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม.เศรษฐา 1/1 รัฐมนตรีใหม่ 13 ตำแหน่ง
การขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้นำอัตราดอกเบี้ยขึ้นสู่ 5% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดนับในรอบ 15 ปี นับตั้งแต่ปี 2008
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเพิ่มความเครียดให้กับครัวเรือนที่ต้องดิ้นรนกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น และเพิ่มความกังวลว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะก้าวเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจากที่รอดมาได้อย่างหวุดหวิดในไตรมาสแรก โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) โตได้เพียง 0.1% เป็นประเทศเดียวในกลุ่มประเทศร่ำรวยที่ยังไม่ฟื้นกลับไปสู่ระดับก่อนโควิด-19
รัฐบาลอังกฤษเผชิญกับเสียงเรียกร้องมากมายให้เข้าแทรกแซงนโยบายการเงิน เนื่องจากประชาชนหลายร้านครัวเรือนเดือดร้อนกับดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่ริชี ซูแน็ก (Rishi Sunak) นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรยืนกรานว่า รัฐบาลจะยังคงแน่วแน่ในแนวทางมุ่งควบคุมเงินเฟ้อ
ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษกล่าวว่า จะเฝ้าดูความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง และจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นอีกหากจำเป็น
แอนดรูว์ เบลีย์ (Andrew Bailey) ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ กล่าวว่า สหราชอาณาจักรมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและมีความยืดหยุ่นสามารถรับมือปัญหามากกว่าที่คาดไว้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคาพลังงานลดลงอย่างมาก ซึ่งนั่นเป็นข่าวดี
“ดังนั้น เราจึงไม่คาดหรือปราถนาให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่เราจะทำสิ่งที่จำเป็นเพื่อดึงอัตราเงินเฟ้อลดลงสู่เป้าหมาย”
ด้านตลาดการเงินตอบสนองต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้โดยการเดิมพันว่าธนาคารกลางจะถูกกดดันให้ขึ้นดอกเบี้ยไปถึงอัตราที่สูงกว่า 6% ก่อนวันคริสต์มาส 25 ธันวาคมปีนี้
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า วิธีการอันน่าตกใจและน่าหวาดกลัวที่ธนาคารกลางใช้ในการกดอัตราเงินเฟ้อนั้น เสี่ยงที่จะฉุดเศรษฐกิจอังกฤษเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้รายได้ที่ครัวเรือนสามารถจับจ่ายใช้สอยได้จริงลดน้อยลง ส่งผลให้อุปสงค์สินค้าและบริการของผู้บริโภคลดลง
แม้แต่นักเศรษฐศาสตร์อิสระ 2 คนที่เป็น 2 ใน 7 คณะกรรมการนโยบายการเงิน ก็ออกเสียงให้คงอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากกังวลถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
ซูซานนาห์ สตรีเตอร์ (Susannah Streeter) หัวหน้าฝ่ายการเงินและตลาดของบริษัทให้บริการการลงทุน Hargreaves Lansdown กล่าวว่า นักลงทุนกำลังพยายามประเมินว่า อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันเพียงพอที่จะสกัดกั้นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ หรือยังคงมีความจำเป็นต้องขึ้นมากกว่านี้อีก
“โอกาสที่สหราชอาณาจักรจะหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยนั้นดูมีน้อยนิดมาก”
โจ เนลลิส (Joe Nellis) ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐกิจโลก และรองคณบดี Cranfield School of Management กล่าวว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เมื่อพูดถึงการแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษหมายถึงการแก้ปัญหาสำหรับภาคธุรกิจเท่านั้น โดยไม่สนใจว่าภาคครัวเรือนจะเป็นอย่างไร
“โชคร้ายที่คาดว่าหลายล้านครัวเรือนจะประสบปัญหาทางการเงินมากขึ้น และผู้ที่มีรายได้ระดับล่างสุดที่มีหนี้จดจำนองด้วยอัตราดอกเบี้ยผันแปร หรือผู้ที่อยู่ในกระบวนย้ายสถาบันการเงินในการจำนองใหม่ (re-mortgaging) จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด” ศาสตราจารย์โจ เนลลิส กล่าว
อ้างอิง :
อ่านเนื้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง
- อังกฤษ ส่งออกหด 16 เดือนติด Brexit ทำสูญเสียลูกค้า บั่นทอนความสามารถในการแข่งขัน
- เศรษฐกิจอังกฤษยังแย่ ไตรมาสแรก 2566 โต 0.1% ไม่ถดถอย แต่ยังไม่ฟื้นดี
- อังกฤษประกาศหนุนอุตสาหกรรมชิป 1,000 ล้านปอนด์ เอกชนวิจารณ์งบน้อย จะไปสู้ใครได้
- IMF ปรับคาดการณ์ เศรษฐกิจอังกฤษไม่ถดถอย แต่ยังซึม เงินเฟ้อเป็นความเสี่ยงสำคัญ