การควบรวมกิจการทั่วโลกลดฮวบ 24% มีเพียงญี่ปุ่นสวนทางโลก โต 16% 

มูลค่าการควบรวมกิจการทั่วโลกในช่วงเดือนเมษายน-กันยายนปีนี้ลดฮวบ 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มีเพียงญี่ปุ่นสวนทางโลกโต 16% 

วันที่ 3 ตุลาคม 2023 สำนักข่าวยิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) รายงานอ้างอิงข้อมูลที่รวบรวมจากรีฟินิทีฟ (Refinitiv-ผู้ให้บริการข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานด้านตลาดการเงิน) ว่า มูลค่ารวมของการควบรวมกิจการ (M&A) ทั่วโลกในเดือนเมษายนถึงกันยายนปีนี้ลดลง 24% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ลงมาอยู่ที่ 1.19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 44 ล้านล้านบาท) 

การลดลงอย่างรวดเร็วนี้ตอกย้ำว่าธุรกิจต่าง ๆ ลังเลที่จะทำข้อตกลงราคาแพง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น และความไม่แน่นอนที่เพิ่มมากขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจโลก 

มีเพียงญี่ปุ่นเท่านั้นที่ต้านทานแนวโน้มขาลงได้ ในช่วงเวลาดังกล่าว มูลค่าธุรกรรมการควบรวมกิจการในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 16% เป็น 36,000 ล้านดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางประเทศญี่ปุ่น (BOJ) 

ในสหรัฐอเมริกา มูลค่าข้อตกลงควบรวมกิจการลดลง 18% เหลือ 515,000 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมาก ขนาดของข้อตกลงโดยเฉลี่ยลดลง 5% เป็น 250 ล้านดอลลาร์ ส่วนข้อตกลงที่มีมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ขึ้นไปมีจำนวนลดลง 7%

ในยุโรป มูลค่าการควบรวมกิจการลดลง 31% เหลือ 246,100 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและเศรษฐกิจที่ซบเซา ส่วนหนึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากสงครามในยูเครน มีการซื้อกิจการครั้งใหญ่เพียงไม่กี่รายการ เช่น ลอรีอัล (L’Oreal) บริษัทเครื่องสำอางรายใหญ่ที่สุดในโลกจากฝรั่งเศสเข้าซื้อกิจการ เอสอป (Aesop) บริษัทเครื่องสำอางหรูหราของออสเตรเลีย

ในประเทศจีน มูลค่าการควบรวมกิจการลดลง 17% เหลือ 143,700 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากประเทศจีนเผชิญกับปัจจัยลบทางเศรษฐกิจหลายอย่าง รวมถึงสงครามการค้ากับสหรัฐ และวิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์ 

โยชิโอะ ซึสุชิโร (Yoshio Tsutsushio) จากบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจ ไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส แอดไวเซอรี่ (PwC Advisory) บอกคาดการณ์ว่า ขนาดของการทำข้อตกลงควบรวมกิจการจะยังคงถูกจำกัดโดยนโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อไป และคาดว่าบริษัทต่าง ๆ จะทำข้อตกลงขนาดเล็กและขนาดกลางที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจมากกว่าข้อตกลงขนาดใหญ่