อังกฤษ โชว์ผลงานคุมโควิด สัญญาณเศรษฐกิจเริ่มฟื้น

เมื่อปลายปีที่แล้ว สหราชอาณาจักร (ยูเค) เป็นหนึ่งในประเทศที่เผชิญกับวิกฤตโควิด-19 ที่เลวร้ายที่สุดในโลก แต่เพียง 5 เดือนต่อมา มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด รวมถึงโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่รวดเร็ว โดยล่าสุดประชาชน 30.8% ของประเทศ ฉีดวัคซีนครบแล้ว ได้ทำให้สหราชอาณาจักรเป็นประเทศ ที่ “ควบคุม” การระบาดของโรคได้

ขณะที่ทางการก็เริ่มผ่อนปรนมาตรการควบคุมการระบาดตามโรดแมปที่วางไว้ โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลประกาศรายชื่อประเทศ “สีเขียว” ที่ประชาชนสามารถเดินทางไปได้

นอกจากนี้ ผับ บาร์ และร้านอาหาร สามารถเปิดบริการตามปกติ รวมถึงสถานบันเทิงอย่างโรงภาพยนตร์ พิพิธภัณฑ์ สนามเด็กเล่น และโรงละคร สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง

และ 21 มิ.ย. นี้ จะเป็นวันที่ทางการปลดล็อกมาตรการป้องกันการระบาดทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ประชาชนสามารถกลับไปใช้วิถีชีวิตตามปกติ เหมือนยุคก่อนโรคระบาดอีกครั้ง

สถานการณ์ที่ดีขึ้นทำให้ธนาคารกลางแห่งอังกฤษคาดการณ์ว่า ตัวเลขเศรษฐกิจ (จีดีพี) สหราชอาณาจักร จะขยายตัวมากถึง 7.25% ในปีนี้ เติบโตสูงสุดในรอบ 70 ปี “แอนดรูว์ เบลีย์” ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งอังกฤษ ระบุว่า ปีนี้ประเทศจะ “ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง”

บีบีซีรายงานว่า สัญญาณการขยายตัวของเศรษฐกิจ มาจากสถานการณ์ประเทศที่เริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติ ซึ่งจะทำให้ประชาชนออกไปใช้จ่ายเงินมากขึ้นเนื่องจากก่อนหน้านี้ได้แต่ทำงานอยู่ที่บ้าน ช่วงปีที่ผ่านมาภาคครัวเรือนอังกฤษมีเงินออมเพิ่มขึ้นถึง 1.5 แสนล้านปอนด์ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีรายได้สูง ซึ่งคาดการณ์ว่า หลังคลายล็อกดาวน์ ประชาชนจะออกมาใช้จ่ายเงินก้อนนี้มากถึง 10%

รวมถึงอัตราการว่างงานภายในประเทศลดลง โดยทางการคาดว่า อัตราการว่างงานปีนี้ระดับสูงสุดจะอยู่ที่ 5.5% จากก่อนหน้านี้ คาดการณ์ว่าอัตราว่างงานจะสูงถึง 7.75%

หนึ่งในปัจจัยที่มาช่วยให้อัตราการว่างงานลดลง คือมาตรการช่วยเหลือแรงงานที่ถูกพักงาน หรือ “เฟอร์โลสกีม” ที่ใช้ตั้งแต่เดือน มี.ค.ของปีที่แล้ว ซึ่งล่าสุดต่ออายุมาตรการไปถึงเดือน ก.ย.

โดยมาตรการนี้รัฐบาลจ่ายเยียวยา เพื่อไม่ให้ผู้ว่าจ้างต้องปลดพนักงาน ซึ่งการต่ออายุมาตรการจะช่วยลดอัตราการว่างงาน และเป็นการช่วยเหลือประชาชน จนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นกลับมา โดยตอนนี้มีประชาชนที่อยู่ภายใต้มาตรการช่วยเหลือ 2.75 ล้านคน ซึ่งลดลงมาจากช่วงต้นปี ซึ่งมีเกือบ 5 ล้านคน

“ริชี่ สุนัค” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า แม้จะไม่สามารถช่วยเหลือให้ทุกคนยังคงมีงานทำ แต่ตอนนี้สถิติผู้ว่างงานน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 2 ล้านคน แสดงให้เห็นว่า มาตรการดังกล่าวได้ผล

นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติระบุ “ตำแหน่งงานว่าง” ภายในประเทศก็เพิ่มขึ้น ช่วงเดือน ก.พ.ถึง เม.ย.ที่ผ่านมา มีตำแหน่งงานว่าง 657,000 ตำแหน่ง ซึ่งมากกว่าช่วง 3 เดือนก่อนหน้านั้นถึง 48,400 ตำแหน่ง

สำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว จากการปลดมาตรการล็อกดาวน์ จนทำให้หลายธุรกิจกลับมาเปิดบริการได้ตามปกติ และทำให้หลายธุรกิจประกาศรับสมัครงานเพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคการบริการ และบันเทิง

อย่างไรก็ดี กลุ่มผู้นำธุรกิจยังคงเตือนว่า นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น และเส้นทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจยังคงอยู่อีกยาวไกล ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษระบุว่า เวลานี้ถือเป็นช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นหลังจากเผชิญวิกฤต ขณะที่ยังมีความกังวลจากที่เศรษฐกิจของอังกฤษไม่มีการขยายตัวมา 2 ปีติดแล้ว

โดยสิ่งที่จะหยุดการขยายตัวของเศรษฐกิจได้ คือ โควิดสายพันธุ์ที่ถูกค้นพบครั้งแรกที่อินเดีย ซึ่งกำลังระบาดในสหราชอาณาจักร ซึ่งถึงแม้วัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิดสายพันธุ์ดังกล่าว แต่มีความกังวลถึงสถานการณ์การระบาดที่อาจเข้ามามีผลกระทบต่อไทม์ไลน์การปลดล็อกมาตรการป้องกันการระบาดของโรคทั้งหมดในอีก 1 เดือนข้างหน้า