รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งกองทุน 1 แสนล้าน ปั้นเทคโนโลยีขั้นสูงพลิกฟื้นประเทศ

เมื่อ “เทคโนโลยี” กลายเป็นตัวพลิกเกมในโลกปัจจุบัน หลายประเทศจึงต่างหันมาส่งเสริมพัฒนาองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีกันอย่างคึกคัก “ญี่ปุ่น” ก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่แม้ว่ารัฐบาลใหม่นำโดย “ฟูมิโอะ คิชิดะ” จะประกาศยุบสภาไปแล้ว แต่ก็ได้ประกาศนโยบายด้านเทคโนโลยีที่น่าจับตา และเตรียมเข้ามาสานต่อทันทีหลังการเลือกตั้งปลายเดือน ต.ค.นี้

นิกเคอิ เอเชีย รายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศเตรียมจัดตั้งกองทุนงบประมาณ 1 แสนล้านเยน ในการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงภายในประเทศ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เทคโนโลยีควอนตัม เทคโนโลยีชีวภาพ และหุ่นยนต์ โดยจะเริ่มดำเนินการในปี 2022

ขณะที่เทคโนโลยีที่เป็นกุญแจสำคัญทางเศรษฐกิจอย่าง 5จี บิ๊กดาต้า และเซมิคอนดักเตอร์ ก็จะได้รับการส่งเสริมวิจัยและพัฒนาอย่างเร่งด่วน ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีคิชิดะ ที่จะเพิ่มการลงทุนในด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจเป็น 2 เท่า

โดยกองทุนดังกล่าวจะอยู่ภายใต้องค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น (เอ็นอีดีโอ) และสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีญี่ปุ่น (เจเอสที) โดยจะมอบเงินทุนให้กับมหาวิทยาลัยและบริษัทเอกชนในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่รัฐบาลเห็นว่ามีความสำคัญ

ทั้งหมดนี้จะอยู่ในงบประมาณเพิ่มเติมในปีงบประมาณ 2021 ซึ่งจะจัดสรรขึ้นหลังการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 31 ต.ค.นี้ และเริ่มดำเนินโครงการในปี 2022 ซึ่งกองทุนดังกล่าวยังจะมีการจัดสรรต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายใหญ่คือเร่งผลักดันเทคโนโลยีของญี่ปุ่นสู่การใช้งานจริง เนื่องจากที่ผ่านมาแม้ว่าญี่ปุ่นจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างต่อเนื่อง แต่มักไม่ได้รับการนำมาประยุกต์ใช้ เนื่องจากขาดแคลนเงินทุนสนับสนุน และกลายเป็นช่องทางให้บริษัทต่างชาติสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านั้นผ่านการเข้าซื้อกิจการหรือการซื้อตัวนักวิจัย

หนึ่งในเทคโนโลยีที่ญี่ปุ่นล่าช้าไปมากคือ “เซมิคอนดักเตอร์” ที่เพิ่งจะมีการประกาศตั้งโรงงานเซมิคอนดักเตอร์แห่งแรกในญี่ปุ่นด้วยการดึง “ทีเอสเอ็มซี” (TSMC) บริษัทยักษ์ใหญ่ของไต้หวันเข้ามาลงทุน ทั้งที่ญี่ปุ่นเคยเป็นผู้นำด้านการผลิตชิประดับโลกมาก่อน

โดยรัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยว่า กำลังวางแผนสนับสนุนทีเอสเอ็มซีภายใต้งบประมาณราว 1 ล้านล้านเยน โดยเบื้องต้นจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายราวครึ่งหนึ่งในโครงการก่อตั้งโรงงานของทีเอสเอ็มซีแห่งแรก

“โคอิจิ ฮากิอุดะ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ระบุว่า “เซมิคอนดักเตอร์เป็นสมองที่อยู่เบื้องหลังทุกอุตสาหกรรม ดังนั้น การสร้างซัพพลายชิปที่มีเสถียรภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศ”

ทั้งนี้ โครงการสนับสนุนทีเอสเอ็มซีจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่ของภาคเอกชนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่น โดยเฉพาะภาคเอกชนที่มีความสามารถในการผลิต มีองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีขั้นสูง และไม่มีปัญหาด้านความปลอดภัย ซึ่งผู้รับการสนับสนุนต้องคืนเงินสนับสนุนในกรณีที่ถอนตัวออกจากญี่ปุ่นหรือทำผิดสัญญา

นับเป็นความพยายามล่าสุดของญี่ปุ่นในการฟื้นฟูเศรษฐกิจผ่านการขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยี หลังจากที่ปล่อยให้หลายประเทศพัฒนาแซงหน้าไปเป็นเวลานาน แต่ยังคงมีความท้าทายที่ต้องติดตามต่อไปไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ทางการเมืองหลังการเลือกตั้งว่าจะราบรื่นดังที่นายกรัฐมนตรีคิชิดะคาดหวังหรือไม่ รวมถึงความเสี่ยงที่ญี่ปุ่นอาจถูกโจมตีจากนานาชาติว่าการสนับสนุนเม็ดเงินมหาศาลให้กับภาคเอกชนในประเทศเช่นนี้ อาจเป็นการแทรกแซงตลาดอย่างไม่เป็นธรรม