
กฎเหล็กบังคับ ทรงผมนักเรียน – ชุดเครื่องแบบของเด็กญี่ปุ่น ที่เป็นประเด็นถกเถียงทางสังคม เริ่มยกเลิกแล้วที่โตเกียว ส่วนคดีพ่อเด็กที่คิวชูฟ้องโรงเรียนละเมิดสิทธิมนุษยชน รอลุ้นคำตัดสิน
วันที่ 21 มีนาคม 2565 ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า โรงเรียนในโตเกียวเริ่มผ่อนคลายกฎการไว้ทรงผม ไปจนถึงเสื้อผ้าชั้นใน ตั้งแต่วันเปิดภาคเรียนใหม่ 1 เมษายนเป็นต้นไป
หลังจากนักเรียนญี่ปุ่นในกรุงโตเกียวต้องแต่งตัวและไว้ทรงผมตามกฎข้อบังคับของโรงเรียนรัฐบาลมานานหลายสิบปีแล้ว รวมทั้ง ห้ามไว้ทรงผมแบบอื่น แม้แต่สีชุดชั้นในและกางเกงในก็ต้องเป็นสีถูกต้องตามระเบียบโรงเรียน

เจ้าหน้าที่รัฐกล่าวว่ากฎเหล็กเหล่านี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าล้าหลังและกำลังจะยกเลิกกฎระเบียบ 5 ข้อในโรงเรียนรัฐบาลเกือบ 200 แห่งทั่วกรุงโตเกียว รวมทั้ง กฎการไว้ทรงผมและกำหนดสีเสื้อผ้าชั้นใน และยกเลิกข้อห้ามตัดทรง “two block” ซึ่งได้รับความนิยมในหลายๆ ประเทศ
ส่วนกฎข้ออื่นๆ ที่จะยกเลิกด้วย ได้แก่ การลงโทษนักเรียนด้วยการกักตัวในบ้าน และการใช้ภาษากำกวมคลุมเครือในกฎระเบียบสำหรับนักเรียนม.ปลาย
นโยบายเปลี่ยนแปลงกฎเก่าจะเริ่มใช้วันที่ 1 เม.ย. ตรงกับวันเปิดเทอมของปีการศึกษาใหม่ ซึ่งเป็นผลจากการที่คณะกรรมการการศึกษากรุงโตเกียวสำรวจความเห็นของโรงเรียน นักเรียนและผู้ปกครองเมื่อปีที่แล้วเกี่ยวกับกฎระเบียบโรงเรียน
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ข้อบังคับการแต่งกายที่เข้มงวดยังบังคับใช้ทั้งในกรุงโตเกียวและทั่วประเทศ โรงเรียนหลายแห่งออกกฎให้นักเรียนสวมรองเท้าและถุงเท้าที่โรงเรียนกำหนด

อาซาฮี ชิมบุน รายงานว่าโรงเรียนหลายแห่งในจังหวัดฟุกุโอกะ เกาะคิวชู มีกฎบังคับให้นักเรียนไว้ทรงผมและสวมกางเกงในตามสีและแบบที่โรงเรียนกำหนดเท่านั้น
ทางการท้องถิ่นจังหวัดฟุกุโอกะสำรวจความเห็นเช่นเดียวกับในกรุงโตเกียวพบว่านักเรียนบ่นเรื่องข้อบังคับการแต่งกายที่ทำให้เกิดความเครียดและจำกัดการแสดงออก
บังคับ ทรงผมนักเรียน ทำลายชีวิตเด็ก
กรณีกฎระเบียบที่เข้มงวดเกินไปเป็นข่าวใหญ่ในปี 2560 เมื่อนักเรียนหญิงคนหนึ่งในจังหวัดโอซากะฟ้องร้องโรงเรียนที่บังคับให้ย้อมผมสีดำ ทั้งที่เธอมีผมสีน้ำตาลตามธรรมชาติและต้องย้อมโคนผมทุกครั้งที่ผมสีน้ำตาลเริ่มยาว จนถูกโรงเรียนลงโทษทางวิชาการเนื่องจากไม่ย้อมผมบ่อยครั้ง
ด้านทนายความโต้แย้งว่าการย้อมผมบ่อยทำให้ผมและหนังศีรษะเสียหาย ส่งผลต่อสภาพจิตใจทำให้ซึมเศร้า
จนกระทั่ง เมื่อปีที่แล้ว นักเรียนหญิงชนะคดีได้เงินชดเชย 330,000 เยน หรือประมาณ 92,000 บาท ซึ่งกรณีนี้เป็นที่สนใจของคนทั้งประเทศและเกิดกระแสวิจารณ์ข้อบังคับการแต่งกายของนักเรียนอย่างหนัก

ขณะที่นักเรียนและครอบครัวอื่นๆ เริ่มพูดถึงปัญหาคล้ายๆ กัน ส่วนโรงเรียนหลายแห่งเริ่มเปลี่ยนกฎระเบียบกันแล้ว
อาซาฮี ชิมบุน รายงานว่าฤดูใบไม้ผลินี้ โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองอูเบะ จังหวัดยามางูจิ จะเป็นโรงเรียนแห่งแรกที่นำร่องเปิดโอกาสให้นักเรียนแต่งชุดเครื่องแบบ “ไม่เลือกเพศ” นักเรียนทุกเพศเลือกได้ว่าจะสวมกางเกงขายาวหรือกระโปรงซึ่งเป็นการฉีกกฎเดิมๆ ที่แบ่งเพศตามชุดเครื่องแบบตามกฎระเบียบที่เคร่งครัดและยังแพร่หลายในญี่ปุ่นอยู่ในปัจจุบัน
- ทรงผมและชุดนักเรียน โดย ดร.วีรพงษ์ รามางกูร
- ผู้ปกครองจวก ‘รร.ประถมญี่ปุ่น’ ออกชุดนักเรียนใหม่แบรนด์ ‘อาร์มานี’ ราคาแพงระยับ
ด้านสำนักข่าว เอเอฟพี รายงานวันที่ 18 มี.ค. ถึงคดีที่นายโทชิยูกิ คุสุโมโตะ พ่อลูกสองในจังหวัดโออิตะ เกาะคิวชู ฟ้องศาลเพื่อให้มีคำสั่งคุ้มครองลูกชาย 2 คนจากกฎระเบียบที่ “ไม่สมเหตุสมผล” รวมทั้ง กำหนดความยาวของผม ห้ามทำผมทรงต่างๆ รวมทั้ง รวบหางม้าและถักเปีย ห้ามสวมถุงเท้าพับแค่ข้อเท้า และต้องผูกเชือกรองเท้าสีขาว

คุสุโมโตะ กล่าวกับเอเอฟพีว่ากฎระเบียบโรงเรียนแบบนี้ไม่เคารพเสรีภาพส่วนบุคคลและสิทธิมนุษยชนซึ่งมีกฎหมายรัฐธรรมนูญรองรับ
ปลายเดือนนี้ คดีจะเข้าสู่คณะอนุญาโตตุลาการเพื่อประนอมข้อพิพาทโดยมีโรงเรียนและเมืองร่วมพิจารณาด้วย ซึ่งหวังว่าเจ้าหน้าที่จะแก้ไขกฎต่างๆ ของโรงเรียน
คุสุโมโตะเรียกร้องให้โรงเรียนมีคล้ายๆ กัน หวังว่าการดำเนินการทางกฎหมายจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในวงกว้างเพื่อเด็กๆ ทั่วประเทศที่ทุกข์ใจเพราะกฎระเบียบไร้เหตุผล

ด้านทาคาชิ โอสึ อาจารย์ด้านศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสตรีมูโกกาวะ กล่าวว่ากฎระเบียบโรงเรียนบังคับใช้กับเด็กมัธยมต้น อายุประมาณ 12 ปี มาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1970
เมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้ว ความรุนแรงต่อครูกลายเป็นปัญหาสังคม โรงเรียนจึงพยายามควบคุมสถานการณ์โดยใช้กฎเกณฑ์ กฎบางประเภทมีความจำเป็นสำหรับองค์กร รวมทั้ง โรงเรียน แต่การตัดสินใจออกกฎต่างๆ ควรทำอย่างโปรงใสและให้นักเรียนมีส่วนร่วมเพื่อให้เด็กเรียนรู้การตัดสินใจตามระบอบประชาธิปไตย
แม้ระเบียบข้อบังคับต่างๆ ทำให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความสามัคคีในห้องเรียน แต่ยังมีความท้าทายอื่นๆ
คดีนักเรียนหญิงที่โอซากะถูกบังคับให้ย้อมผมสีดำ กลายเป็นข่าวพาดหัวระดับประเทศและในที่สุด เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลจึงสั่งการให้คณะกรรมการการศึกษาตรวจสอบว่ากฎของโรงเรียนสะท้อนถึง “ความเป็นจริงของนักเรียน” หรือไม่

แต่เป็นเรื่องยากพอสมควรเพราะศาลแขวงและศาลอุทธรณ์โอซากะให้โรงเรียนใช้ดุลยพินิจเองว่าจะสั่งให้นักเรียนย้อมผมสีดำเพื่อจุดประสงค์ด้านการศึกษาหรือไม่
ด้านทนายความของเด็กสาวคนนี้กล่าวว่าลูกความถูกขู่เป็นประจำ แม้ย้อมผมเป็นสีดำตามที่โรงเรียนต้องการแล้วก็ตาม จึงถือได้ว่าเป็นการทำลายชีวิตนักเรียน
ปัจจุบัน นักเรียนคนนี้ อายุ 22 ปี และยังคงต่อสู้ต่อไปโดยจะยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาในเดือน พ.ย. นี้
สูตรสำเร็จสำหรับนักเรียนที่ไม่ต้องคิด
การเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงกฎระเบียบโรงเรียนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง สมาชิกกลุ่มสิทธิมนุษยชน Voice Up Japan ที่ส่งหนังสือถึงกระทรวงศึกษาธิการเมื่อเดือน ม.ค. เพื่อเรียกร้องให้กระทรวงเปิดไฟเขียวให้โรงเรียนร่วมกับนักเรียนหารือถึงการเปลี่ยนกฎโรงเรียน

ฮาสึเนะ ซาวาดะ สมาชิก Voice Up Japan ฝ่ายมัธยมกล่าวว่าเริ่มการรณรงค์เพราะสมาชิกหลายคนได้รับประสบการณ์ไม่ดีจากกฎข้อบังคับของโรงเรียน เช่น นักเรียนหญิงคนหนึ่งถูกครูดูถูกที่ไว้ผมหน้าม้ายาวปิดคิ้วซึ่งเป็นการละเมิดกฎโรงเรียน
ส่วนนักเรียนที่จังหวัดโออิตะ ต้องสวมเครื่องแบบตามเพศกำเนิด ผู้ชายใส่กางเกงขายาว ส่วนผู้หญิงสวมกระโปรงซึ่งคณะกรรมการการศึกษาท้องถิ่นกล่าวว่ากฎดังกล่าวไม่เพียงก่อให้เกิดความสามัคคีในหมู่เด็กๆ เท่านั้น แต่ยังช่วยแบ่งเบาภาระด้านการเงินของครอบครัวจากการซื้อเสื้อผ้าอีกด้วย
แต่คุสุโมโตะไม่เห็นด้วยเพราะเห็นว่าความสามัคคีไม่ใช่สิ่งที่กำหนดได้ แต่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ดังนั้น การวางกฎข้อบังคับประเภทนี้จึงเป็น “สูตรการผลิตเด็กที่ทำให้เด็กเลิกคิด”