ค่าไฟแพงเดือด เช็กที่นี่พรรคไหนลดให้เท่าไร ในศึกเลือกตั้ง 66

ค่าไฟแพง พรรคไหนลดให้เท่าไร เช็กที่นี่

พรรคการเมืองใหญ่ เสนอแคมเปญลดค่าไฟ ในฤดูเลือกตั้ง ฝ่าค่าไฟฟ้างวดใหม่ 1 พฤษภาคม 2566 แพงหูฉี่ ตามอุณหภูมิความร้อนปรอทแตก จาก 4.72 บาทต่อหน่วย เป็น 4.77 บาทต่อหน่วยถ้วนหน้าทั้งภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้ารัฐบาลคนปัจจุบัน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) รับปากอย่างเสียไม่ได้ เรื่องค่าไฟแพงว่า “ก็ต้องไปดูสาเหตุก่อนว่าแพงเพราะอะไร หลายอย่างขึ้นอยู่กับต้นทุนการผลิตด้วย เรื่องการบริหารด้วย มีอะไรซับซ้อนหลายอย่างอยู่ในนั้น ถ้ามองว่าค่าไฟแพงแล้วจะลดลง ขอให้ลดลงเท่าโน้น เท่านี้ เดือดร้อน ก็ต้องไปดูว่าทำได้หรือเปล่า อะไรที่ทำได้ไม่ต้องห่วง ผมทำให้หมดแหละ”

“ประชาชาติธุรกิจ” นำข้อมูลของแต่ละพรรคการเมืองที่ออกมาเสนอแนวทาง “ลดค่าไฟฟ้า” ในโค้งหาเสียงเลือกตั้ง ก่อนโหวตวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ดังนี้

พลังประชารัฐ 2.50 บาท/หน่วย อุตสาหกรรม 2.70 บาท/หน่วย

พรรคพลังประชารัฐ โดย “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายพรรคพลังประชารัฐ เสนอลดค่าไฟฟ้าภาคครัวเรือน เหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย และภาคอุตสาหกรรม 2.70 บาทต่อหน่วย
พรรคพลังประชารัฐต้องแก้ปัญหานี้ให้กับประชาชนโดยเร่งด่วน โดยการรื้อและปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ ภายใต้กรอบวินัยการเงินและการคลัง

1.ราคาค่าไฟฟ้าหน้าโรงงาน ตามสัญญาฉบับใหม่ เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 66 การส่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ซึ่งจะนำมาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า ราคาจะถูกลงกว่าเดิม เกินกว่า 50%

2.การงดเก็บค่า Ft ในอัตรา 0.9827 บาท/หน่วย โดยในระหว่างการปรับโครงสร้างพลังงานไฟฟ้าจะใช้วิธีพักชำระหนี้ กฟผ.ประมาณ 150,000 ล้านบาท เป็นเวลา 1 ปี จะทำให้ราคาไฟฟ้าลดลง 0.9827 บาท/หน่วย

“จากราคาไฟฟ้าปัจจุบันอยู่ที่ 4.77 บาท พรรคพลังประชารัฐจะช่วยผลักดันให้เกิดการลดราคาไฟฟ้าประเภทที่อยู่อาศัยลง 2.27 บาท ประชาชนจะได้ใช้ไฟฟ้าในราคา 2.50 บาทต่อหน่วย ส่วนภาคธุรกิจค่าไฟฟ้าจะลดลง 2.07 บาท คงเหลือเพียงแค่ 2.70 บาทต่อหน่วย ถ้าเราลดราคาไฟฟ้ามาได้เช่นนี้ คนไทยจะใช้ราคาถูกเป็นอันดับ 6 ของอาเซียนทันที”

รวมไทยสร้างชาติ กลุ่มเปราะบาง-เกษตรกร 3.90 บาท/หน่วย

ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มี “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” กุมบังเหียนหัวหน้าพรรค-แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เบอร์ 2 เสนอทางสว่างโดยการ “นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรี”
“แนวคิดว่าจะให้มีการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปแบบเสรีได้ จะทำให้ราคาน้ำมันในประเทศถูกลงได้ หากพรรครวมไทยสร้างชาติได้เป็นรัฐบาล ค่าไฟฟ้าจะมีการกำหนดราคาให้กับผู้มีรายได้น้อยหรือเกษตรกร ยูนิตละ 3.90 บาท”

ก้าวไกล ลดทันที 70 สตางค์/หน่วย

พรรคก้าวไกล “ศิริกัญญา ตันสกุล” รองหัวหน้าพรรค-หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เปิดแผน 5 ขั้น ชนนายทุนลดค่าไฟฟ้า 70 สตางค์ในปีแรก-1 บาท เปลี่ยนแดดเป็นเงิน เปิดเสรีโซลาร์รูฟทั้งประเทศ

บันไดขั้นที่ 1 เปลี่ยนนโยบายจัดสรรก๊าซธรรมชาติ จากเอื้อกลุ่มทุนเป็นเอื้อประชาชน โดยใช้กลไกคณะกรรมการกำกับดูแลนโยบายพลังงาน (กกพ.) กำหนดนโยบาย ซึ่งตัวนโยบายสามารถเปลี่ยนได้เลยใน 100 วัน และเห็นผลในบิลค่าไฟ ลดได้ทันที 70 สตางค์ต่อหน่วยในปีแรก พร้อมกันนั้น ต้องเร่งเจรจาสัมปทานก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนอ่าวไทย เพื่อลดการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากการนำเข้า

ขั้นที่ 2 เปลี่ยนแดดเป็นเงิน ด้วยการปลดล็อกระบบขายไฟมิเตอร์หมุนกลับจากหลังคาบ้านเรือน (Net Metering) เพื่อให้ทุกบ้านเรือนที่ต้องการติดโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้านสามารถทำได้อย่างถูกต้อง และเกิดการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้านประชาชนเพื่อลดค่าใช้จ่ายได้เอง เชื่อว่าภายใน 4 ปีจะเห็นการติดโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้านของประชาชนเพิ่มขึ้นทั้งประเทศ

ขั้นที่ 3 เปิดเสรีธุรกิจไฟฟ้า ให้ผู้ใช้ไฟฟ้าเลือกซื้อไฟฟ้าได้เอง ไม่ต้องถูกมัดมือชกซื้อจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ยุติการรับประกันกำไรให้เจ้าสัวพลังงาน เหมือนกับในต่างประเทศที่ประชาชนสามารถเลือกซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าได้เอง ค่าไฟฟ้าจะถูกลงได้จากการแข่งขัน นอกจากนี้ ผู้ใช้ไฟฟ้ายังสามารถกำหนดได้ว่าจะซื้อไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานอะไร บางคนอาจเลือกซื้อจากพลังงานสะอาด 100% ได้

ขั้นที่ 4 ชนกับกลุ่มทุนใหญ่เสือนอนกิน เจรจาสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและสัมปทานกับกลุ่มทุนพลังงานใหม่ เพื่อลดต้นทุนที่เกิดขึ้นจาก “ค่าความพร้อมจ่าย” ของโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้เดินเครื่อง แก้ไขนโยบายเอื้อกลุ่มทุนพลังงานลดค่าไฟฟ้าให้ประชาชนได้เพิ่ม

ขั้นสุดท้าย เดินหน้าแผน PDP Net Zero ไม่เพิ่มโรงไฟฟ้าฟอสซิล ตั้งเป้าปลดระวางโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมดภายใน 2580 เพื่อให้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดเป็นพลังงานสะอาดให้มากที่สุด

ชาติพัฒนากล้า ลดให้ภาคอุตสาหกรรม 8-9%

พรรคชาติพัฒนากล้า กล้าชนทุนใหญ่ “กรณ์ จาติกวณิช” หัวหน้าพรรค เสนอลดค่าไฟฟ้าให้ภาคอุตสาหกรรมเพียง 8-9% เพื่อไม่เพิ่มภาระให้กับประชาชน

“ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ รัฐบาลประกาศขึ้นค่าไฟฟ้า โดยจะปรับขึ้นค่าไฟฟ้าภาคครัวเรือนจาก 4.72 บาท เป็น 4.77 บาท แต่ลดให้ภาคอุตสาหกรรมจาก 5.33 ลงมาเท่ากับภาคครัวเรือนคือ 4.77 บาท เดือนพฤษภาคมจึงเป็นวันเผาจริงของประชาชน”

“วันนี้ประชาชนรับภาระเต็ม ๆ โดยที่ไม่ได้มีการประเมินเลยว่าสาเหตุที่ต้นทุนมันเพิ่มขึ้นด้วยเหตุใด มีการอภิปรายในสภาหลายครั้งว่า กฟผ.ในอดีตได้ไปอนุมัติเซ็นสัญญาที่จะซื้อไฟจากภาคเอกชนในปริมาณที่มากเกินความต้องการ โดยปกติการรักษาเสถียรภาพอุตสาหกรรมไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 15% ซึ่งเป็นปริมาณที่

เหลือเฟือเพียงพอแล้ว แต่วันนี้กำลังผลิตของเรามีมากกว่าความต้องการถึง 50% ซึ่งเป็นต้นทุนค่าใช้จ่ายของการไฟฟ้าที่ต้องไปจ่ายให้กับภาคเอกชน คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 20% ที่โยนภาระให้ประชาชนแบกรับ”

ประชาธิปัตย์ ยกเลิกค่าเอฟที

ขณะที่ทีมเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ มาแรงแซงทางโค้ง ชงให้ “ยกเลิกค่าเอฟที”

“เกียรติ สิทธีอมร” อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย ประธานคณะกรรมการต่างประเทศ ทีมเศรษฐกิจประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องไฟฟ้า พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายยกเลิกค่า Ft เพราะปัจจุบันการคิดคำนวณค่า Ft เป็นสมมติฐานทั้งสิ้น การทำแบบนี้เป็นช่องโหว่ของการกำหนดค่าไฟฟ้า เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบางกลุ่ม

พรรคประชาธิปัตย์จะทำให้ราคาไฟฟ้าตรงกับต้นทุนจริง รวมไปถึงจะกำหนดระดับกำลังการผลิตสำรองที่เหมาะสม ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มาก โดยปัจจุบันการผลิตสำรองอยู่ในระดับสูงกว่า 50% ซึ่งเกินกว่ามาตรฐานที่ควรอยู่ในระดับ 15% ต้องกำหนดสัดส่วนกำลังการผลิตระหว่างรัฐกับเอกชนให้เหมาะสม และทบทวนเรื่องสัญญาสัมปทาน รวมถึงกำหนดสัดส่วนการนำเข้าจากต่างประเทศทั้งราคาและรูปแบบสัญญา (PPA) และปรับราคาก๊าซป้อนโรงไฟฟ้าให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและเป็นธรรม

“พรรคประชาธิปัตย์จะยกเลิกค่า Ft หลายประเทศส่วนใหญ่ไม่มีค่า Ft เพราะมันมีวิธีที่ดีกว่า ไม่ต้องให้ใครก็แล้วแต่มากำหนดราคาค่าไฟ และตอนนี้ Ft เป็นการคิดประเมินโดยมองไปในอนาคต 4 เดือน โดยคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน ต้นทุนเชื้อเพลิงค่าไฟจากเอกชน ประเทศเพื่อนบ้าน สมมติฐานผิด ก็ค่าไฟผิด ทำให้คนเดือดร้อน ค่าไฟเราแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ทำไมไม่ให้ราคาไฟฟ้าตรงกับต้นทุนจริง เราสามารถใช้ตัวเลขย้อนหลัง 4 เดือน แล้วจะทำระบบกองทุนไว้สำหรับความผันผวนได้”

พรรคเพื่อไทย ลดค่าไฟตามต้นทุนราคาพลังงาน

ขณะที่ “เพื่อไทย” โดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์และการเมืองของพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุ 5 ข้อว่า

  1. ปรับลดราคาค่าไฟฟ้าตามต้นทุนราคาพลังงานที่แท้จริง
  2. เร่งพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตสอดคล้องกับปริมาณไฟฟ้าสำรองที่สั่งซื้อจากเอกชน
  3. เร่งจรจาเรื่องปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อที่จะนำก๊าซธรรมชาติที่อยู่ในบริเวณพื้นที่ทับซ้อนขึ้นมาใช้ประโยชน์
  4. ส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์เซลล์ระดับครัวเรือน เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ไฟฟ้าราคาถูก
  5. มีนโยบายให้ กฟผ.ผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์เพื่อลดต้นทุนการผลิต ซึ่งจะทำให้ราคาค่าไฟลดลง

พรรคไทยสร้างไทย ลดเหลือ 3.50 บาท/หน่วย

คุณหญิงสุดารัตน์ระบุว่า พรรคไทยสร้างไทยมองเห็นปัญหา และจะเดินหน้าปรับโครงสร้างราคาค่าไฟทันทีภายใน 1 ปีให้ลดค่าไฟลงมาเหลือ 3.50 บาท ทันทีเมื่อได้เป็นรัฐบาล ซึ่งเป็นค่าพร้อมจ่ายประมาณ 0.70 บาทต่อหน่วย

ขณะเดียวกัน ภาครัฐจะไปเจรจากับโรงไฟฟ้าเอกชนให้ลงมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม ในระยะยาว 25 ปีจะต้องวางแนวทางในการปลดระวางโรงไฟฟ้าที่ใกล้หมดสัญญาให้เร็วขึ้น และชะลอการขึ้นโรงไฟฟ้าใหม่ที่กำลังจะเริ่มสัญญา COD ให้ช้าลง เพื่อลดการจ่ายค่าความพร้อมจ่าย

นอกจากนี้ จะต้องปรับลดรายจ่ายอื่น ๆ ที่รัฐทำสัญญาผูกพันกับโรงไฟฟ้าเอกชน เช่น ค่าประกันความร้อน EP (Energy Payment) ที่ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้ามากขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงได้ แต่รัฐยังใช้อัตราที่สูงอยู่ตลอด

ขณะเดียวกัน จะสนับสนุนการใช้ Solar ในภาคครัวเรือนอย่างเต็มที่ เพื่อลดค่าใช้จ่าย และสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างด้านพลังงานไฟฟ้าในระยะยาว