พรรคการเมืองใหญ่ เสนอแคมเปญลดค่าไฟ ในฤดูเลือกตั้ง ฝ่าค่าไฟฟ้างวดใหม่ 1 พฤษภาคม 2566 แพงหูฉี่ ตามอุณหภูมิความร้อนปรอทแตก จาก 4.72 บาทต่อหน่วย เป็น 4.77 บาทต่อหน่วยถ้วนหน้าทั้งภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้ารัฐบาลคนปัจจุบัน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) รับปากอย่างเสียไม่ได้ เรื่องค่าไฟแพงว่า “ก็ต้องไปดูสาเหตุก่อนว่าแพงเพราะอะไร หลายอย่างขึ้นอยู่กับต้นทุนการผลิตด้วย เรื่องการบริหารด้วย มีอะไรซับซ้อนหลายอย่างอยู่ในนั้น ถ้ามองว่าค่าไฟแพงแล้วจะลดลง ขอให้ลดลงเท่าโน้น เท่านี้ เดือดร้อน ก็ต้องไปดูว่าทำได้หรือเปล่า อะไรที่ทำได้ไม่ต้องห่วง ผมทำให้หมดแหละ”
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
“ประชาชาติธุรกิจ” นำข้อมูลของแต่ละพรรคการเมืองที่ออกมาเสนอแนวทาง “ลดค่าไฟฟ้า” ในโค้งหาเสียงเลือกตั้ง ก่อนโหวตวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ดังนี้
พลังประชารัฐ 2.50 บาท/หน่วย อุตสาหกรรม 2.70 บาท/หน่วย
พรรคพลังประชารัฐ โดย “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายพรรคพลังประชารัฐ เสนอลดค่าไฟฟ้าภาคครัวเรือน เหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย และภาคอุตสาหกรรม 2.70 บาทต่อหน่วย
พรรคพลังประชารัฐต้องแก้ปัญหานี้ให้กับประชาชนโดยเร่งด่วน โดยการรื้อและปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ ภายใต้กรอบวินัยการเงินและการคลัง
1.ราคาค่าไฟฟ้าหน้าโรงงาน ตามสัญญาฉบับใหม่ เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 66 การส่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ซึ่งจะนำมาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า ราคาจะถูกลงกว่าเดิม เกินกว่า 50%
2.การงดเก็บค่า Ft ในอัตรา 0.9827 บาท/หน่วย โดยในระหว่างการปรับโครงสร้างพลังงานไฟฟ้าจะใช้วิธีพักชำระหนี้ กฟผ.ประมาณ 150,000 ล้านบาท เป็นเวลา 1 ปี จะทำให้ราคาไฟฟ้าลดลง 0.9827 บาท/หน่วย
“จากราคาไฟฟ้าปัจจุบันอยู่ที่ 4.77 บาท พรรคพลังประชารัฐจะช่วยผลักดันให้เกิดการลดราคาไฟฟ้าประเภทที่อยู่อาศัยลง 2.27 บาท ประชาชนจะได้ใช้ไฟฟ้าในราคา 2.50 บาทต่อหน่วย ส่วนภาคธุรกิจค่าไฟฟ้าจะลดลง 2.07 บาท คงเหลือเพียงแค่ 2.70 บาทต่อหน่วย ถ้าเราลดราคาไฟฟ้ามาได้เช่นนี้ คนไทยจะใช้ราคาถูกเป็นอันดับ 6 ของอาเซียนทันที”
รวมไทยสร้างชาติ กลุ่มเปราะบาง-เกษตรกร 3.90 บาท/หน่วย
ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มี “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” กุมบังเหียนหัวหน้าพรรค-แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เบอร์ 2 เสนอทางสว่างโดยการ “นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรี”
“แนวคิดว่าจะให้มีการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปแบบเสรีได้ จะทำให้ราคาน้ำมันในประเทศถูกลงได้ หากพรรครวมไทยสร้างชาติได้เป็นรัฐบาล ค่าไฟฟ้าจะมีการกำหนดราคาให้กับผู้มีรายได้น้อยหรือเกษตรกร ยูนิตละ 3.90 บาท”
ก้าวไกล ลดทันที 70 สตางค์/หน่วย
พรรคก้าวไกล “ศิริกัญญา ตันสกุล” รองหัวหน้าพรรค-หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เปิดแผน 5 ขั้น ชนนายทุนลดค่าไฟฟ้า 70 สตางค์ในปีแรก-1 บาท เปลี่ยนแดดเป็นเงิน เปิดเสรีโซลาร์รูฟทั้งประเทศ
บันไดขั้นที่ 1 เปลี่ยนนโยบายจัดสรรก๊าซธรรมชาติ จากเอื้อกลุ่มทุนเป็นเอื้อประชาชน โดยใช้กลไกคณะกรรมการกำกับดูแลนโยบายพลังงาน (กกพ.) กำหนดนโยบาย ซึ่งตัวนโยบายสามารถเปลี่ยนได้เลยใน 100 วัน และเห็นผลในบิลค่าไฟ ลดได้ทันที 70 สตางค์ต่อหน่วยในปีแรก พร้อมกันนั้น ต้องเร่งเจรจาสัมปทานก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนอ่าวไทย เพื่อลดการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากการนำเข้า
ขั้นที่ 2 เปลี่ยนแดดเป็นเงิน ด้วยการปลดล็อกระบบขายไฟมิเตอร์หมุนกลับจากหลังคาบ้านเรือน (Net Metering) เพื่อให้ทุกบ้านเรือนที่ต้องการติดโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้านสามารถทำได้อย่างถูกต้อง และเกิดการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้านประชาชนเพื่อลดค่าใช้จ่ายได้เอง เชื่อว่าภายใน 4 ปีจะเห็นการติดโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้านของประชาชนเพิ่มขึ้นทั้งประเทศ
ขั้นที่ 3 เปิดเสรีธุรกิจไฟฟ้า ให้ผู้ใช้ไฟฟ้าเลือกซื้อไฟฟ้าได้เอง ไม่ต้องถูกมัดมือชกซื้อจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ยุติการรับประกันกำไรให้เจ้าสัวพลังงาน เหมือนกับในต่างประเทศที่ประชาชนสามารถเลือกซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าได้เอง ค่าไฟฟ้าจะถูกลงได้จากการแข่งขัน นอกจากนี้ ผู้ใช้ไฟฟ้ายังสามารถกำหนดได้ว่าจะซื้อไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานอะไร บางคนอาจเลือกซื้อจากพลังงานสะอาด 100% ได้
ขั้นที่ 4 ชนกับกลุ่มทุนใหญ่เสือนอนกิน เจรจาสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและสัมปทานกับกลุ่มทุนพลังงานใหม่ เพื่อลดต้นทุนที่เกิดขึ้นจาก “ค่าความพร้อมจ่าย” ของโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้เดินเครื่อง แก้ไขนโยบายเอื้อกลุ่มทุนพลังงานลดค่าไฟฟ้าให้ประชาชนได้เพิ่ม
ขั้นสุดท้าย เดินหน้าแผน PDP Net Zero ไม่เพิ่มโรงไฟฟ้าฟอสซิล ตั้งเป้าปลดระวางโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมดภายใน 2580 เพื่อให้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดเป็นพลังงานสะอาดให้มากที่สุด
ชาติพัฒนากล้า ลดให้ภาคอุตสาหกรรม 8-9%
พรรคชาติพัฒนากล้า กล้าชนทุนใหญ่ “กรณ์ จาติกวณิช” หัวหน้าพรรค เสนอลดค่าไฟฟ้าให้ภาคอุตสาหกรรมเพียง 8-9% เพื่อไม่เพิ่มภาระให้กับประชาชน
“ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ รัฐบาลประกาศขึ้นค่าไฟฟ้า โดยจะปรับขึ้นค่าไฟฟ้าภาคครัวเรือนจาก 4.72 บาท เป็น 4.77 บาท แต่ลดให้ภาคอุตสาหกรรมจาก 5.33 ลงมาเท่ากับภาคครัวเรือนคือ 4.77 บาท เดือนพฤษภาคมจึงเป็นวันเผาจริงของประชาชน”
“วันนี้ประชาชนรับภาระเต็ม ๆ โดยที่ไม่ได้มีการประเมินเลยว่าสาเหตุที่ต้นทุนมันเพิ่มขึ้นด้วยเหตุใด มีการอภิปรายในสภาหลายครั้งว่า กฟผ.ในอดีตได้ไปอนุมัติเซ็นสัญญาที่จะซื้อไฟจากภาคเอกชนในปริมาณที่มากเกินความต้องการ โดยปกติการรักษาเสถียรภาพอุตสาหกรรมไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 15% ซึ่งเป็นปริมาณที่
เหลือเฟือเพียงพอแล้ว แต่วันนี้กำลังผลิตของเรามีมากกว่าความต้องการถึง 50% ซึ่งเป็นต้นทุนค่าใช้จ่ายของการไฟฟ้าที่ต้องไปจ่ายให้กับภาคเอกชน คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 20% ที่โยนภาระให้ประชาชนแบกรับ”
ประชาธิปัตย์ ยกเลิกค่าเอฟที
ขณะที่ทีมเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ มาแรงแซงทางโค้ง ชงให้ “ยกเลิกค่าเอฟที”
“เกียรติ สิทธีอมร” อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย ประธานคณะกรรมการต่างประเทศ ทีมเศรษฐกิจประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องไฟฟ้า พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายยกเลิกค่า Ft เพราะปัจจุบันการคิดคำนวณค่า Ft เป็นสมมติฐานทั้งสิ้น การทำแบบนี้เป็นช่องโหว่ของการกำหนดค่าไฟฟ้า เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบางกลุ่ม
พรรคประชาธิปัตย์จะทำให้ราคาไฟฟ้าตรงกับต้นทุนจริง รวมไปถึงจะกำหนดระดับกำลังการผลิตสำรองที่เหมาะสม ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มาก โดยปัจจุบันการผลิตสำรองอยู่ในระดับสูงกว่า 50% ซึ่งเกินกว่ามาตรฐานที่ควรอยู่ในระดับ 15% ต้องกำหนดสัดส่วนกำลังการผลิตระหว่างรัฐกับเอกชนให้เหมาะสม และทบทวนเรื่องสัญญาสัมปทาน รวมถึงกำหนดสัดส่วนการนำเข้าจากต่างประเทศทั้งราคาและรูปแบบสัญญา (PPA) และปรับราคาก๊าซป้อนโรงไฟฟ้าให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและเป็นธรรม
“พรรคประชาธิปัตย์จะยกเลิกค่า Ft หลายประเทศส่วนใหญ่ไม่มีค่า Ft เพราะมันมีวิธีที่ดีกว่า ไม่ต้องให้ใครก็แล้วแต่มากำหนดราคาค่าไฟ และตอนนี้ Ft เป็นการคิดประเมินโดยมองไปในอนาคต 4 เดือน โดยคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน ต้นทุนเชื้อเพลิงค่าไฟจากเอกชน ประเทศเพื่อนบ้าน สมมติฐานผิด ก็ค่าไฟผิด ทำให้คนเดือดร้อน ค่าไฟเราแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ทำไมไม่ให้ราคาไฟฟ้าตรงกับต้นทุนจริง เราสามารถใช้ตัวเลขย้อนหลัง 4 เดือน แล้วจะทำระบบกองทุนไว้สำหรับความผันผวนได้”
พรรคเพื่อไทย ลดค่าไฟตามต้นทุนราคาพลังงาน
ขณะที่ “เพื่อไทย” โดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์และการเมืองของพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุ 5 ข้อว่า
- ปรับลดราคาค่าไฟฟ้าตามต้นทุนราคาพลังงานที่แท้จริง
- เร่งพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตสอดคล้องกับปริมาณไฟฟ้าสำรองที่สั่งซื้อจากเอกชน
- เร่งจรจาเรื่องปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อที่จะนำก๊าซธรรมชาติที่อยู่ในบริเวณพื้นที่ทับซ้อนขึ้นมาใช้ประโยชน์
- ส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์เซลล์ระดับครัวเรือน เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ไฟฟ้าราคาถูก
- มีนโยบายให้ กฟผ.ผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์เพื่อลดต้นทุนการผลิต ซึ่งจะทำให้ราคาค่าไฟลดลง
พรรคไทยสร้างไทย ลดเหลือ 3.50 บาท/หน่วย
คุณหญิงสุดารัตน์ระบุว่า พรรคไทยสร้างไทยมองเห็นปัญหา และจะเดินหน้าปรับโครงสร้างราคาค่าไฟทันทีภายใน 1 ปีให้ลดค่าไฟลงมาเหลือ 3.50 บาท ทันทีเมื่อได้เป็นรัฐบาล ซึ่งเป็นค่าพร้อมจ่ายประมาณ 0.70 บาทต่อหน่วย
ขณะเดียวกัน ภาครัฐจะไปเจรจากับโรงไฟฟ้าเอกชนให้ลงมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม ในระยะยาว 25 ปีจะต้องวางแนวทางในการปลดระวางโรงไฟฟ้าที่ใกล้หมดสัญญาให้เร็วขึ้น และชะลอการขึ้นโรงไฟฟ้าใหม่ที่กำลังจะเริ่มสัญญา COD ให้ช้าลง เพื่อลดการจ่ายค่าความพร้อมจ่าย
นอกจากนี้ จะต้องปรับลดรายจ่ายอื่น ๆ ที่รัฐทำสัญญาผูกพันกับโรงไฟฟ้าเอกชน เช่น ค่าประกันความร้อน EP (Energy Payment) ที่ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้ามากขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงได้ แต่รัฐยังใช้อัตราที่สูงอยู่ตลอด
ขณะเดียวกัน จะสนับสนุนการใช้ Solar ในภาคครัวเรือนอย่างเต็มที่ เพื่อลดค่าใช้จ่าย และสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างด้านพลังงานไฟฟ้าในระยะยาว