คีรี ย้ำสัญญาสายสีเขียว BTS เป็นเจ้าหนี้ ไม่ใช่จำเลยสังคม

คีรี ย้ำข้อห้ามเปิดสัญญาสายสีเขียว BTS เป็นเจ้าหนี้ ไม่ใช่จำเลยสังคม

คีรี ประธานบอร์ด BTS ย้ำเรื่องการเปิดเผยสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว มีการระบุเรื่อง “ห้ามเปิดเผย” ยืนยัน กทม.รับรู้ทุกเรื่องมาตลอด

วันที่ 2 สิงหาคม 2565 นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) เปิดสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว ภายหลังพิธีลงนามเซ็นสัญญาโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเข้าเมืองทองธานี ว่า “ในทุก ๆ สัญญามีการระบุเรื่องห้ามเปิดเผยสัญญาต่อสาธารณะไว้ทั้งสิ้น รวมถึงสัญญาของรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองเองก็ตาม ไม่ใช่ว่าพอคุณสัญญากับผมแล้วพรุ่งนี้คุณจะไปแปะสัญญาไว้กลางถนนมันไม่ใช่”

นายคีรีระบุว่า “กรุงเทพมหานคร เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท กรุงเทพธนาคม ที่มาทำสัญญา กรุงเทพมหานครสามารถรับรู้ได้ทุกอย่าง ไม่เข้าใจว่ามันเป็นปัญหาขึ้นมาเรื่องไม่ให้เปิดเผยสัญญาต่อสาธารณะได้อย่างไร เพราะกรุงเทพมหานครสามารถรับทราบเนื้อหาสัญญาแน่นอน ไม่เช่นนั้นคงไม่อนุมัติให้กรุงเทพธนาคม มาเซ็นสัญญากับเอกชนในโครงการที่ใหญ่ขนาดนี้”

“ผมขอย้ำอีกครั้งว่าผมเป็นเจ้าหนี้ ไม่ใช่จำเลยของสังคม” นายคีรีกล่าวทิ้งท้าย

นายคีรีกล่าวว่า ส่วนประเด็นเรื่องหนี้สินที่เคทีมีต่อบริษัทนั้น ปัจจุบันเกิน 4 หมื่นล้านบาทแล้ว โดยแบ่งเป็น ค่าติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท และค่าระบบจ้างเดินรถ ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเคทีได้มีการเรียกบีทีเอสเข้าพบ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อทำให้ปัญหาต่าง ๆ ดีขึ้น แต่ยังไม่ได้หารือถึงเรื่องภาระหนี้สิน เพราะให้เวลาผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ศึกษาเรื่องนี้ ซึ่งเข้ามารับตำแหน่ง 2-3 เดือนแล้ว และเชื่อว่าข้อมูลที่บริษัทให้ไปคงไม่มีอะไรไม่ถูกต้อง เพราะหากมี ทาง กทม.คงเรียกตนเข้าไปคุยแล้ว

นายคีรีกล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่ประชาชนมีความกังวลว่า หากบีทีเอสไม่ได้รับการจ่ายหนี้อาจต้องหยุดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้น มองว่าประชาชนอาจไม่ได้กังวลเท่าบริษัทในเรื่องของการชำระหนี้ เราจึงอยากให้เร่งดำเนินการเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นใจของภาคเอกชน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และจะกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ

ดังนั้น รัฐบาลต้องห่วงภาพพจน์ของประเทศไทยที่เสียไปกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ใช้เวลามาดูเรื่องนี้ 3 ปีแล้ว บีทีเอสก็ยังเดินรถในช่วงสถานีหมอชิต-คูคตอยู่ ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องหยุดเดินรถ เพราะหยุดก็ทำให้ประชาชนลำบาก หรือถ้าให้หยุดเพื่อให้รัฐบาลเข้าใจ เชื่อว่าเรื่องนี้รัฐบาลเข้าใจอยู่แล้ว เพียงแต่อาจจะมีบางคนทำเป็นไม่เข้าใจก็ช่วยไม่ได้

“แต่ถ้าวันหนึ่งบีทีเอสซีไปต่อไปไม่ได้ก็อาจต้องพิจารณาอีกครั้งต่อไป และยืนยันว่าเราไม่ได้เป็นฝ่ายขอต่อสัมปทานเพื่อจะล้างหนี้ เป็นไปไม่ได้ และไม่อยากให้ประชาชนเข้าใจบีทีเอสผิด” นายคีรีกล่าว

ด้านนายสุรพงษ์ เลาหอัญญา ผู้อำนวยการใหญ่สายธุรกิจ MOVE บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวในประเด็นนี้ว่า ในทุก ๆ สัญญาจะมีการป้องกันข้อมูลซึ่งกันและกัน ทางบีทีเอสซีก็ไม่สามารถนำข้อมูลนี้ไปใช้ประโยชน์อื่นได้ แต่ในสัญญาก็มีข้อยกเว้นว่าถ้าต้องปฏิบัติตามกฎหมายก็สามารถเปิดเผยได้

“ในวันที่หารือกับทางกรุงเทพธนาคมก็ได้แจ้งไปว่า ทางบีทีเอสซีก็ยินยอมที่จะเปิด ถ้าเป็นการเปิดเผยสัญญาในทุก ๆ โครงการ เพื่อความเป็นธรรมในการแข่งขัน รถไฟฟ้าสัญญาอื่นเปิดแค่ไหนก็เปิดแค่นั้น” นายสุรพงษ์กล่าว

นายสุรพงษ์กล่าวต่ออีกว่า ทางกรุงเทพมหานครสามารถเห็นสัญญาได้อยู่แล้ว และเชื่อว่าก่อนที่ทางกรุงเทพธนาคมจะมาเซ็นสัญญากับบีทีเอสซี กรุงเทพมหานครย่อมต้องเห็นสัญญาและเห็นชอบในสัญญาก่อนแล้ว

กรณีที่กรุงเทพมหานครจะขอหารือ ว่าบีทีเอสซีจะลงนามในหนังสือยินยอมให้เปิดเผยสัญญาได้หรือไม่ นายสุรพงษ์กล่าวว่า “แจ้งในวันที่หารือกับกรุงเทพธนาคมแล้วว่า ให้ทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรแล้วจะตอบกลับไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีหนังสือดังกล่าวมาถึง”