ช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้

Photo by Manan VATSYAYANA / AFP
คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ

แม้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกผ่อนคลายลง จากที่เคยสูงเกิน 120 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเมื่อเดือนมิถุนายน และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อกลุ่มโอเปกพลัสเพิ่งมีมติปรับลดปริมาณการผลิตลงเล็กน้อย หรือ 1 แสนบาร์เรลต่อวันในเดือนตุลาคม

แต่ความตึงเครียดจะไปกระจุกตัวที่ช่วงปลายปี เพราะฝั่งซีกโลกเหนือเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว สงครามยังไม่คลี่คลาย ขณะที่โอเปกส่งสัญญาณว่า จะปรับปริมาณการผลิตเมื่อใดก็ได้ “ถ้าจำเป็น”

ขณะนี้เศรษฐกิจของหลายประเทศที่ทรงอิทธิพลไม่มีวี่แววจะขยายตัวให้เห็น บางประเทศยุโรปอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยด้วยปัจจัยลบหลายด้าน ทั้งเงินเฟ้อ ราคาพลังงานพุ่งสูง และการขึ้นดอกเบี้ย ส่วนจีนไม่มีทีท่าจะถอยจากนโยบายควบคุมโควิดอย่างเข้มงวด ทำให้การล็อกดาวน์ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตและเศรษฐกิจโดยรวม

สำหรับไทย ตัวเลขเศรษฐกิจหลายด้านทยอยออกมาแบบไม่แจ่มใส ทั้งตัวเลขขาดดุลการค้า 7 เดือนแรก สูงถึง 4.3 แสนล้านบาท สูงสุดนับจากวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 โดยมีปัจจัยมาจากค่าบาทอ่อนค่าลงอย่างมากในรอบ 16 ปี บวกกับการที่ประเทศไทยจำเป็นต้องนำเข้าสินค้ากลุ่มเชื้อเพลิง ที่มีสัดส่วนถึง 20.7% ของการนำเข้าทั้งหมด

ค่าเงินบาทยังส่งผลกระทบต่อเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ แม้ไม่ส่งผลสะเทือนมากนัก แต่ทำให้ยอดลดลงต่ำกว่าระดับ 220,000 ล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี

ด้านหนี้ครัวเรือนไทย คาดว่าสิ้นปี 2565 จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 89.3% ต่อจีดีพี คิดเป็นมูลค่าหนี้ครัวเรือน 14.97 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 16 ปี นับตั้งแต่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเริ่มสำรวจ

ส่วนอัตราเงินเฟ้อของเดือนสิงหาคม ขยับขึ้นไปที่ 7.86% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ทางราชการประเมินว่าถึงจุดสูงสุดแล้ว และน่าจะค่อย ๆ ลดลง แต่ช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ คาดว่ายังคงมีปัจจัยที่กระทบกับรายรับรายจ่ายของประชาชน

เมื่อบวกกับค่าครองชีพตัวอื่น ๆ ที่ขึ้นไปแล้ว เช่น ค่าไฟเพิ่มเฉลี่ยอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย ค่าก๊าซหุงต้ม ไปอยู่ที่ 408 บาทต่อถัง ส่วนที่จะระทึกต่อไปคือ การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน วันที่ 28 ก.ย. ว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่อย่างไร เพราะย่อมมีผลต่อธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงิน และบรรดาลูกหนี้สินเชื่อต่าง ๆ เช่น บ้าน รถยนต์ หรือเงินกู้ต่าง ๆ ที่อยู่ปลายทาง

หากประเมินจากสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลควรต้องรีบทำการบ้านไว้ล่วงหน้าว่าจะรับมือและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างไรในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้