สูงสุดคืนสู่สามัญ ของ “บิ๊กเทค”

tech time บิ๊กเทค
คอลัมน์ : Tech Times
ผู้เขียน : มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ

หลังจากเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง “ล็อกดาวน์” บิ๊กเทคโนโลยีหลายรายก็ถึงเวลากลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง เมื่อพบว่ารายได้หล่นวูบหลังหมดยุคโควิด บีบให้ต้องทยอยปลดพนักงานหลายระลอกจนเป็นที่หวั่นใจว่าอุตสาหกรรมเทคที่เคยเฟื่องฟูกำลังก้าวเข้าสู่ยุคฟองสบู่แตกกับเขาบ้างแล้ว

ล่าสุด พี่เบิ้มอย่าง Meta เจ้าของ Facebook ก็ไม่รอด ต้องประกาศเอาคนออกสูงถึง 11,000 คนในคราวเดียว หรือคิดเป็น 13% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดที่ 87,000 คน หลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและการแข่งขันที่รุนแรง ส่งผลให้รายได้จากโฆษณาลดลงต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทเอาเงินไปจมในโครงการ “เมตาเวิร์ส” หลายพันล้านเหรียญสหรัฐที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะคืนทุนเมื่อใด

จากผลประกอบการล่าสุด บริษัทมีรายได้ลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาส 2 โดยมีกำไรลดลงกว่าครึ่งของช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า มูลค่าของบริษัทหดเหลือ 2.5 แสนล้านเหรียญจาก 1 ล้านล้านเหรียญในปี 2021

“มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก” ยอมรับในจดหมายที่เขียนถึงพนักงานเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ตนเคยเชื่อว่าการเติบโตในช่วงโควิดจะยังคงอยู่ต่อไป เลยเร่งลงทุนขยายทีมงานขึ้นกว่า 2 เท่า (บริษัทมีพนักงาน 48,268 คนในเดือนมีนาคม 2020 ก่อนโควิดระบาด)

แต่สุดท้ายก็พบว่าตนคาดการณ์ผิดไป และนำมาสู่การเลย์ออฟครั้งมโหฬารในครั้งนี้

แต่ยักษ์ Meta ไม่ใช่บิ๊กเทครายเดียวที่เผชิญวิบากกรรมในปีนี้ บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อื่น ๆ ที่เคยโกยลูกค้า และรายได้ในช่วงโควิดก็ซวนเซไม่แพ้กัน หลังหมดยุคล็อกดาวน์ เช่น Lyft ประกาศเอาคนออก 13% หรือ 700 คน สัปดาห์ที่แล้ว

ADVERTISMENT

Stripe ผู้ให้บริการ online payment เอาพนักงานออก 1,100 ตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ก่อนเช่นกัน โดยอ้างว่าจำเป็นต้องรัดเข็มขัดเพื่อรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น มูลค่าของบริษัทลดจาก 95 พันล้านเหรียญในปีที่แล้วมาอยู่ที่ 74 พันล้านเหรียญในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

Shopify ที่เคยเติบโตอย่างรวดเร็วช่วงล็อกดาวน์ ประกาศเอาคนออก 1,000 ตำแหน่งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หรือราว 10% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด โดยซีอีโอยอมรับว่า คาดการณ์การเติบโตหลังโควิดผิดไป ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทหล่นวูบกว่า 78% ในปีนี้ และบีบให้บริษัทต้องลดค่าใช้จ่ายด้วยการเอาคนออก

ADVERTISMENT

Netflix เจ้าพ่อสตรีมมิ่ง ก็ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นกัน ปีนี้บริษัทประกาศเอาพนักงานออกรวมแล้ว 450 ตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับรายได้ที่ลดลง

Microsoft เอาคนออกราว 1,000 คน หลังจากมีอัตราการเติบโตของรายได้ต่ำสุดในรอบ 5 ปี

Snap ปลดพนักงานกว่า 1,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม หรือราว 20% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด โดยซีอีโอให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้ มูลค่าของบริษัทลดลงกว่า 80% ในปี 2022

Robinhood โบรกเกอร์ออนไลน์ชั้นนำ ตัดสินใจเอาคนออกถึง 31% อันเป็นผลมาจากปัญหาเงินเฟ้อและตลาดคริปโตเคอร์เรนซีที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงอย่างรุนแรง

หากโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้าอย่างที่หลายคนกังวล เราอาจได้เห็นการเลย์ออฟในวงการเทคอีกหลายระลอก เพราะรายได้จากโฆษณาของแพลตฟอร์มคงลดลงไปอีก แถมผู้บริโภคคงต้องเพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น

…แค่คิดก็หนาวแล้ว