เปลี่ยนทิศท่องเที่ยว-ท้าทาย

นักท่องเที่ยว
บทบรรณาธิการ

เป้าหมายการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยตลอดทั้งปี 2565 ของรัฐบาล จำนวน 10 ล้านคน มีแนวโน้มมาเร็วกว่ากำหนด ภายในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ แต่ด้วยรายได้ที่ยังต่ำกว่าเป้าที่กำหนดไว้ 1.5 ล้านล้านบาท จากการประเมินของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. น่าจะทำได้ราว 1.33 ล้านล้านบาท

ตัวเลขนี้ย้ำว่าได้ปริมาณอาจไม่ได้รายได้เสมอไป และเป็นโจทย์ที่ ททท.นำเสนอว่า รัฐบาลควรต้องปรับยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวใหม่ในช่วงเวลาของการฟื้นฟูเพื่อให้เป็นเครื่องยนต์สำคัญสำหรับขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานกรรมการ ททท. ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การกลับมาของการท่องเที่ยวครั้งนี้ไม่ควรเหมือนเดิม เพราะแบบเดิมการท่องเที่ยวของไทยเน้นเรื่องของปริมาณ ด้วยตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้ามาถึง 40 ล้านคน เมื่อปี 2562 หรือช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โรคระบาดโควิด

แต่ต่อไปควรต้องมุ่งไปที่นักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ และนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ ๆ ที่ยินดีจะใช้จ่ายที่มากขึ้น เพื่อแลกกับประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ดี ๆ ให้เข้ามามากขึ้น ไม่มีความจำเป็นว่าต้องมีจำนวนเท่าเดิมเมื่อปี 2562

ปี 2566 เป็นปีแห่งความหวังที่รัฐบาลตั้งเป้าให้ ททท. ดึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าไทย 20 ล้านคน และมีเป้ารายได้ 2.38 ล้านล้านบาท หรือ 80% ของรายได้จากตลาดนักท่องเที่ยวปี 2562 รวมกัน 3 ล้านล้านบาท

แต่ความท้าทายที่ผู้ว่าการ ททท. ยุทธศักดิ์ สุภสร ประเมินสถานการณ์จริงของปี 2566 คือโลกจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย เงินเฟ้อ ค่าครองชีพสูง ค่าเดินทางแพง และบรรยากาศที่นักท่องเที่ยวไม่อัดอั้นการเดินทางเหมือนในปี 2565 และยังต้องทำการตลาดที่ต้องแข่งกับทุกประเทศที่ต่างเปิดรับนักท่องเที่ยว

ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลชัดต่อการท่องเที่ยวไทยคือ นักท่องเที่ยวจีน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคาดว่าจะยังไม่กลับมาในช่วงต้นปีหน้า แม้ว่าสถานการณ์การประท้วงการล็อกดาวน์และนโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่แทบไม่เกิดกลับเกิดขึ้นแล้วในหลายเมืองของจีน อาจทำให้ทางการต้องทบทวนมาตรการที่เข้มงวด แต่คาดว่าการปล่อยคนเข้าออกประเทศจะไม่ใช่หนทางที่จีนจะเดิมพัน

ดังนั้นไทยจะยังไม่มีตัวช่วยสำคัญในส่วนนี้ และควรหันไปมุ่งแผนปรับทิศทางท่องเที่ยวของตัวเอง จากเดิมที่เราเน้นปริมาณและจุดหมายปลายทางราคาถูก ต้องไปสู่การเน้นคุณภาพ รวมถึงการเป็นนิชมาร์เก็ตเพื่อแสวงหาลูกค้ากลุ่มใหม่ พัฒนาสินค้าและบริการใหม่ ๆ ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้จ่ายมากและใช้เวลาอยู่ในไทยนานยิ่งขึ้น

ขณะนี้เริ่มเห็นเอกชนเริ่มขยับแล้ว ส่วนภาครัฐอาจต้องรอรัฐบาลใหม่มาผลักดันอย่างจริงจัง