บทบรรณาธิการ
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
โครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่รัฐบาลจะผลักดันต่อเนื่องคืบหน้าตามลำดับ ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การดึงดูดนักลงทุนไทย-ต่างชาติเข้าไปลงทุน การออกกฎระเบียบให้การดำเนินการเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องและเอื้อประโยชน์ให้กับประเทศ
ที่กำลังถูกจับตาคือการประกาศใช้ผังเมืองรวมอีอีซี ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด คือ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ซึ่งกรมโยธาธิการและผังเมืองจัดทำเสร็จสมบูรณ์ และเปิดประชาพิจารณ์ตามขั้นตอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตามแผนที่กำหนดไว้จะประกาศใช้ผังเมืองรวมอีอีซีภายในเดือน ส.ค. 2562
ขณะที่กระแสต้านการบังคับใชัผังเมืองอีอีซีเริ่มร้อนแรงขึ้น วันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มสมัชชาแปดริ้วเมืองยั่งยืนเครือข่ายเพื่อตะวันออกนัดชุมนุมคัดค้านผังเมืองรวมอีอีซีที่ทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนร่างผังเมืองฉบับดังกล่าว
พร้อมยื่นข้อเสนอ 4 ข้อ ให้รัฐบาลปรับแก้ไขผังเมืองอีอีซีให้สอดคล้องกับศักยภาพ และสภาพพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัด โดยคำนึงถึงผลกระทบและความสัมพันธ์กับชุมชน สุขภาวะประชาชน สภาพแวดล้อม ระบบนิเวศ และต้องเปิดกว้างให้ทุกฝ่ายเข้าไปมีส่วนร่วม และเปิดเผยข้อมูลรอบด้านต่อสาธารณชน
สวนทางกับข้อมูลของภาครัฐอย่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) กรมโยธาธิการและผังเมือง ที่ยืนยันว่าการจัดทำร่างผังเมืองรวมอีอีซีดำเนินการทุกขั้นตอนตามระเบียบกฎหมาย โดยเฉพาะการจัดประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนผู้มีส่วนได้เสีย
ล่าสุด ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อ 5 ส.ค. ได้อนุมัติแผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดิน และแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคในอีอีซี พื้นที่รวม 8.29 ล้านไร่ และเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนประกาศบังคับใช้
จึงต้องจับตาดูว่าเครือข่ายกลุ่มสมัชชาแปดริ้วเมืองยั่งยืนฯ กับองค์กรภาคเอกชนที่เคลื่อนไหวคัดค้านจะมีท่าทีอย่างไร จะยื่นฟ้องศาลปกครองขอให้มีคำสั่งระงับการบังคับใช้ผังเมืองดังกล่าวตามที่ประกาศไว้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รัฐบาล โดยเฉพาะ กพอ.ต้องดำเนินการโดยเร่งด่วนคือ การรับฟังเสียงสะท้อนจากทุกภาคส่วน รวมทั้งพิจารณาแก้ไขปัญหาควบคู่กับชี้แจงให้คนใน 3 จังหวัดอีอีซีหมดความคลางแคลงใจ และคลายกังวลว่าจะไม่ได้รับผลกระทบซ้ำรอยอีสเทิร์นซีบอร์ด