บทบรรณาธิการ
วิกฤตหน้ากากอนามัย เป็นข่าวใหญ่ชิงพื้นที่สื่อได้ต่อเนื่องตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา กลายเป็นประเด็นดราม่าที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ระดับทอล์กออฟเดอะทาวน์ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสปอดอักเสบโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ที่ยังลามไปทั่วโลก
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
ปรากฏการณ์หน้ากากอนามัยขาดตลาด ราคาพุ่งเกือบสิบเท่าตัว ทั้งยังมีการรีไซเคิลหน้ากากอนามัยนำมาขายเป็นสินค้ามือสอง ฯลฯ เป็นตัวเร่งทำให้ความเชื่อมั่นรัฐบาลดำดิ่งลงจนน่าใจหาย
ที่พุ่งขึ้นสวนทางคือวิกฤตศรัทธาของประชาชนทุกระดับ ผลพวงจากรัฐบาลในฐานะผู้กำกับดูแลนโยบาย รวมทั้งฝ่ายปฏิบัติในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้ทำหน้าที่ให้พอมั่นใจได้ว่าจะเป็นที่พึ่งพาได้ในยามวิกฤต
เพราะในสภาพความเป็นจริงสิ่งที่คนไทยทั้งในกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัดกำลังประสบปัญหา คือหาซื้อหน้ากากอนามัยสำหรับใช้ป้องกันความเสี่ยงไวรัสโควิดไม่ได้ ตรงกันข้ามกับที่หน่วยงานรัฐอย่างกระทรวงพาณิชย์ยืนยันมาตลอดว่า หน้ากากอนามัยมีเพียงพอต่อความต้องการใช้
ขณะเดียวกัน หลังคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ออกประกาศให้หน้ากากอนามัยเป็นหนึ่งในสินค้าควบคุม และกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในเข้าบริหารจัดการเบ็ดเสร็จ ทั้งจัดสรรหน้ากากอนามัยให้โรงพยาบาล สมาคมร้านขายยา ร้านธงฟ้า ร้านสะดวกซื้อ ฯลฯ ปัญหากลับยิ่งมีมากขึ้น
ชี้ให้เห็นว่ารัฐยิ่งเข้าควบคุม รวบอำนาจบริหารจัดการหน้ากากอนามัยทั้งระบบเอง นอกจากไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว ยังทำให้หน้ากากอนามัยขาดตลาดหนัก
ไม่แปลกที่หลายภาคส่วนจะตั้งข้อสงสัยและคำถามทั้งในสื่อหลัก สื่อกระแสรอง จนถูกนำมาแชร์ต่อสนั่นโลกโซเชียล โดยเฉพาะประเด็นหน้ากากอนามัยที่รัฐบังคับโรงงานผู้ผลิต 11 โรงงาน ผลิตป้อนให้กับศูนย์กระจายหน้ากากอนามัย ที่กระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงสาธารณสุขร่วมกันบริหารจัดการ ในทางปฏิบัติได้กระจายไปตามจุดต่าง ๆ ในปริมาณที่เหมาะสม และโปร่งใสมากน้อยเพียงใด
ล่าสุด นอกจากบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล จะโพสต์ประจานการไม่ยอมรับความจริง หน้ากากอนามัยไม่เพียงพอแต่บอกว่าพอแล้ว กรณีเพจดังเปิดโปงคลิปคนประกาศขายหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น โยงถึงคนใกล้ชิดรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบัน ยิ่งตอกย้ำความกังขาให้กับสาธารณชนมากขึ้น
ไม่ว่าจะจริง เท็จ มีมูลหรือถูกแอบอ้าง ถ้ารัฐบาลไม่เคลียร์ให้กระจ่าง สังคมยังคลางแคลงใจ ความเชื่อมั่นจะยิ่งเสื่อมถอย วิกฤตศรัทธาจะจมดิ่งกว่านี้