บีไอจีนำร่องเปิดปั๊มไฮโดรเจน ผนึกพันธมิตรรับเทรนด์ยานยนต์อนาคต

ปั๊มไฮโดรเจน

บีไอจีผนึก ปตท. โออาร์ โตโยต้า คิกออฟเปิดสถานีนำร่องทดลองใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV) แห่งแรกในไทยที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โชว์ศักยภาพผู้นำนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรม รุกตลาดพลังงานไฮโดรเจน รับเทรนด์ยานยนต์แห่งอนาคต ประเดิมนำรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงรุ่นมิไร (Mirai) ทดสอบให้บริการ หนุนไทยสู่ net zero emissions ปี 2065

นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด (บีไอจี) ผู้นำนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมครบวงจรของประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) บริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด (TDEM) และบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (TMT) จัดตั้งสถานีนำร่องทดลองใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle : FCEV) แห่งแรกของประเทศไทย (Hydrogen Station) อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

เพื่อรองรับเทรนด์ยานยนต์แห่งโลกอนาคตที่มุ่งสู่การใช้เชื้อเพลิงจากพลังงานสะอาดในการขับเคลื่อนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) ในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero emissions) ในปี ค.ศ. 2065 ของประเทศไทย

ปิยบุตร จารุเพ็ญ
ปิยบุตร จารุเพ็ญ

“มีแผนขยายปั๊มรอบ กทม.ภายใน 2 ปี เงินลงทุนปั๊มไฮโดรเจนนี้มูลค่าเกือบ 100 ล้านบาท เป็นแหล่งแรกที่ใช้นำร่องและด้วยรถไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงขณะนี้ยังไม่คอมเมอร์เชียล ไฮโดรเจนที่เติมจึงยังไม่คิดค่าบริการ หรือเติมฟรี 2 ปี ทั้งนี้ยอมรับว่าราคาไฮโดรเจนค่อนข้างสูงกว่าราคาน้ำมัน แต่ข้อดีคือไม่มีการปล่อยมลพิษเลย”

สำหรับสถานีนำร่องดังกล่าว จะนำรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง รุ่นมิไร (Mirai) ของโตโยต้ามาทดสอบการใช้งาน เพื่อให้บริการกับผู้โดยสาร ในรูปแบบรถรับ-ส่งระหว่างสนามบินอู่ตะเภา จ.ชลบุรี (U-Tapao Limousines) สำหรับนักท่องเที่ยวและผู้โดยสารในพื้นที่พัทยา-ชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมที่จะมีการขยายผลความร่วมมือในการขยายสถานีบริการในอนาคต เพื่อรองรับเทรนด์ของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพจากเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน

“บีไอจีเป็นผู้สนับสนุนพลังงานไฮโดรเจนให้กับโครงการนี้ รวมถึงนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเกี่ยวกับไฮโดรเจนมาจากแอร์โปรดักส์ (บริษัทแม่ของบีไอจีในสหรัฐอเมริกา) ทำให้มั่นใจได้ทั้งในด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมาตรฐานด้านความปลอดภัยต่าง ๆ ซึ่งการเติมไฮโดรเจนในรถยนต์นี้ ใช้เวลาเพียง 3-5 นาที โดยในตัวรถจะมีถังที่เก็บไฮโดรเจน ไฮโดรเจนจะถูกป้อนเข้าเซลล์เชื้อเพลิงด้วยแรงดันสูง เพื่อไปผสมกับออกซิเจน

ส่วนผสมนี้จะทำให้เกิดปฏิกิริยาไฟฟ้าเคมี ซึ่งจะผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อป้อนให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า และนำไปใช้ในการขับเคลื่อนตัวรถ จึงถือเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า และน้ำคือสิ่งที่ได้จากกระบวนการผลิตไฟฟ้าด้วยไฮโดรเจนนั่นเอง ทำให้มั่นใจได้ว่าไม่มีการปล่อยมลพิษจากการขับขี่รถไฮโดรเจน” นายปิยบุตรกล่าว

สำหรับแผนการป้อนก๊าซไฮโดรเจนเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์นั้น บีไอจีได้วางเป้าเป็นผู้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อสภาพภูมิอากาศ (climate technology company) ซึ่งถือเป็นเทรนด์ของโลกในการแก้ไขปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมีความพร้อมทั้งทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ได้รับการถ่ายทอดจากแอร์โปรดักส์ (บริษัทแม่ของบีไอจีในสหรัฐอเมริกา) ซึ่งเป็นผู้นำการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับก๊าซไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำ และปราศจากคาร์บอนอันดับหนึ่งของโลก

โดยบีไอจีเองพร้อมสนับสนุนด้านองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมไฮโดรเจนไปยังภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์การเป็นผู้นำนวัตกรรมไฮโดรเจนของไทย

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาบีไอจีได้ตั้งโรงงานผลิตก๊าซไฮโดรเจนแห่งที่ 2 ต.หนองแฟบ จ.ระยอง ซึ่งเปิดดำเนินการในเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นโรงงานที่นำเทคโนโลยีและมาตรฐานความปลอดภัยจากสหรัฐอเมริกา โดยมีกำลังการผลิตไฮโดรเจนถึง 12,000 ตันต่อปี เพื่อเป็นฐานการผลิตไฮโดรเจนขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งของประเทศ รองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม

โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและโรงกลั่นในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งนี้ ขีดความสามารถการผลิตของโรงงานผลิตไฮโดรเจนของบีไอจีได้เตรียมไว้เพื่อรองรับตลาดในอุตสาหกรรมด้านพลังงาน เพื่อใช้กับยานยนต์ในอนาคต เนื่องจากก๊าซไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงที่มีการวิจัยและพัฒนา (R&D) ของค่ายรถยนต์ทั้งในยุโรป สหรัฐ และญี่ปุ่น ทำให้ตลาดพลังงานไฮโดรเจนจะเป็นเชื้อเพลิงแห่งอนาคตที่ไม่สร้างมลพิษด้านสิ่งแวดล้อม

เนื่องจากสิ่งที่ได้จากกระบวนการผลิตไฟฟ้าด้วยไฮโดรเจนคือน้ำ ไฮโดรเจนจึงถือเป็นอีกเชื้อเพลิงทางเลือกที่สำคัญของโลกที่บีไอจีพร้อมเดินหน้าสนับสนุน เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้เดินหน้าไปด้วยกัน มุ่งสู่แผนพลังงานชาติ ยุทธศาสตร์การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก