3 ทูตเกษตรตั้งการ์ดสกัดข่าวทำลายภาพลักษณ์ทุเรียนไทย

ทุเรียน

“อลงกรณ์” เผยส่งออกทุเรียนสดไปจีนปีนี้แล้วกว่า 210 ล้านลูก 3 ทูตเกษตรไทยในจีน ชี้แจงข่าวสื่อสารเชิงรุก พร้อมงัดทีมไทยแลนด์ในจีนเฝ้าระวังติดตามข่าวสารในสื่อออนไลน์ เฝ้าระวังปัองกันปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพล่วงหน้า เพื่อรักษาภาพลักษณ์ทุเรียนไทยในฐานะแชมป์ ย้ำไม่ประมาท

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เปิดเผยว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานฟรุตบอร์ด สั่งการให้ทูตเกษตรของไทยทั้ง 3 สำนักงาน

ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกวางโจว ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมกับเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยทันที โดยได้รับรายงานในตอนค่ำของวันวานจากกงสุลฝ่ายเกษตรประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ว่าได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงจุดจำหน่ายทุเรียนตามที่ปรากฏในข่าว แต่ไม่พบการขายทุเรียน อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า

อลงกรณ์ พลบุตร
อลงกรณ์ พลบุตร

 

กรณีที่เป็นข่าว เป็นรถขายทุเรียนริมทาง (รถกระบะ) ไม่ใช่การขายทุเรียนจากร้านค้าที่มีแหล่งที่ตั้งถาวร โดยปกติรถขายทุเรียนคันนี้จะจอดขายช่วงกลางคืนบนถนน Xinhua ของเมืองเซี่ยงไฮ้ ช่วงวันที่ขายก็ไม่แน่นอน แต่ส่วนใหญ่จะมาขายวันเสาร์ อาทิตย์ ที่ผ่านมารถดังกล่าวไม่ได้มาจอดขายทุเรียน ณ บริเวณนั้นนานกว่าสัปดาห์แล้ว ราคาขายจะเป็นราคาต่อจินหรือ 500 กรัม ปกติทุเรียนไทยที่จำหน่ายในช่วงนี้ราคาประมาณ 25-40 หยวน/500 กรัม หรือ 50-80 หยวน/กก. (หรือประมาณ 250-400 บาท/กิโลกรัม)

ทั้งนี้ รถขายทุเรียนข้างทางส่วนใหญ่จะพบเห็นตามชานเมือง จอดขายริมถนนเฉพาะช่วงกลางคืน เพื่อหลบเลี่ยงเจ้าหน้าที่ และทุเรียนที่ขายก็เป็นทุเรียนตกเกรด คุณภาพต่ำ และส่วนใหญ่ราคาถูกกว่าร้านค้าผลไม้ที่ได้มาตรฐาน

จากการสอบถามข้อมูลจากตลาดค้าส่ง ทราบว่ารถขายทุเรียนข้างทางในเซี่ยงไฮ้ เป็นรถกระบะมาจากมณฑลอื่น โดยพ่อค้าจะไปซื้อทุเรียนตกเกรดราคาต่ำในปริมาณมาก ๆ มาเร่ขายริมถนน โดยบางคันจะเปลี่ยนที่ขายไปเรื่อย ๆ จะแกะทุเรียนขายเฉพาะเนื้อ ไม่ขายทั้งเปลือก นอกจากนี้ เครื่องชั่งก็ไม่ได้มาตรฐาน จากการสอบถามผู้ที่เคยซื้อทุเรียนจากรถกระบะ จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าทุเรียนคุณภาพต่ำ รสชาติไม่อร่อย

นอกจากนี้ จากการสำรวจร้านจำหน่ายผลไม้ในพื้นที่ 5 ร้าน ทุเรียนไทยราคาสูงกว่าทุเรียนเวียดนาม พ่อค้าบอกว่าทุเรียนไทยอร่อยและเป็นที่รู้จัก คนที่รู้จักทุเรียนก็จะมักเลือกซื้อทุเรียนไทย ในสายตาผู้บริโภคจะไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างทุเรียนไทยและทุเรียนประเทศอื่นจากรูปลักษณ์ได้ แต่จะสังเกตความแตกต่างจากสติกเกอร์ที่ขั้วผลที่ระบุว่าเป็นทุเรียนจากประเทศไทยหรือเวียดนาม

นายอลงกรณ์กล่าวว่า สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศประจำกรุงปักกิ่ง ฝ่ายเกษตรประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจวและฝ่ายเกษตรประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ได้มีการรายงานและเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานทุเรียนที่ส่งออกมายังจีนอย่างต่อเนื่อง

ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจึงควรให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพทุเรียนไทยก่อนการส่งออก เพื่อมิให้มีทุเรียนตกเกรด หรือทุเรียนคุณภาพต่ำมาจำหน่าย ซึ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์ของทุเรียนไทยในภาพรวม ตามนโยบายยกระดับคุณภาพและมาตรฐานผลไม้ไทย

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ฝ่ายเกษตรทั้ง 3 สำนักงาน ร่วมกับทีมไทยแลนด์ในจีนเฝ้าระวังติดตามข่าวสารในสื่อออนไลน์และสื่อต่าง ๆ หากปรากฏข่าวที่กระทบต่อผลไม้ไทยให้ตรวจสอบและชี้แจงต่อสาธารณชนทันที นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้กรมวิชาการ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ และหน่วยงานในพื้นที่ผลไม้ทำงานเชิงรุกบูรณาการกับทุกภาคส่วนให้เข้มข้นมากขึ้น

โดยเฉพาะการประสานการทำงานกับผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ พาณิชย์ สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกรชาวสวนผลไม้ สมาคมผลไม้ สมาคมทุเรียน สมาคมผู้ส่งออก หอการค้า สภาอุตสาหกรรม ศูนย์ AIC และภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันทุเรียนสวมสิทธิ์ ทุเรียนอ่อน ทุเรียนด้อยคุณภาพ การปนเปื้อนเชื้อโควิด การใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) และการพัฒนาแบรนด์ เช่น สหกรณ์การเกษตรเมืองขลุง จังหวัดจันทบุรี

รวมทั้งการสร้างแบรนด์ทุเรียนจังหวัด เช่น จันทบุรี ตราด ระยอง ศรีสะเกษ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช เพชรบุรี ยะลา และประจวบคีรีขันธ์ เป็นตัวอย่าง และต้องเข้าใจว่าขณะนี้ประเทศไทยไม่ได้เป็นผู้ส่งออกทุเรียนผลสดรายเดียว ในจีนมีการแข่งขันในตลาดจีนมากขึ้น อาจมีผู้ไม่หวังดีออกข่าวหรือทำคลิปเผยแพร่บ่อนทำลายใส่ร้ายทุเรียนไทยให้เสียหาย จึงต้องช่วยกันดูแลเป็นพิเศษ

“ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ จนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ประเทศไทยส่งออกทุเรียนผลสดไปจีนแล้วกว่า 7 แสนตัน หรือกว่า 210 ล้านผล ยังเป็นแชมป์ส่งออกไปจีนและครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 90% ทำให้ชาวสวนทุเรียนมีรายได้เพิ่มขึ้นและราคาดีมีเสถียรภาพ แต่ยังมีทุเรียนด้อยคุณภาพหลุดส่งออกไปจีน แม้จะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่ำกว่า 0.001% นับว่าน้อยมาก และสะท้อนถึงความสำเร็จของนโยบายยกระดับคุณภาพและมาตรฐานที่ทุกภาคภาคส่วนได้ช่วยกันทำงาน ตั้งแต่ชาวสวน มือตัด สหกรณ์ สมาคมผลไม้ สมาคมทุเรียน สมาคมล้ง ผู้ประกอบการเอกชน และหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่และในต่างประเทศ

แต่เราต้องทำงานหนักขึ้น เมื่อมีสถานการณ์การแข่งขันเปลี่ยนแปลงไป มีคู่แข่งมากขึ้น มีการปลูกทุเรียนมากขึ้น ซึ่งฟรุตบอร์ดได้เตรียมการล่วงหน้ามา 2 ปี โดยศึกษาโจทย์และความท้าทายใหม่ ๆ จนสามารถจัดทำแผนพัฒนาผลไม้ 5 ปี (2565-2570) จนแล้วเสร็จ และดำเนินการอยู่ในขณะนี้

รวมทั้งการบริหารโลจิสติกส์จนสามารถเปิดด่านจีนได้เพิ่มขึ้นเป็น 10 ด่าน และประสานงานกับจีนและลาวอย่างต่อเนื่องในการขนส่งทุเรียนและผลไม้อื่น ๆ ตามพิธีสารผลไม้ ไทย-จีน ทางรถไฟจีน-ลาวได้ ในเดือนหน้าถือเป็นข่าวดีและโอกาสใหม่ ๆ ของผลไม้ไทย โดยเฉพาะทุเรียน ลำไย มังคุด ฯลฯ”