อีสท์ วอเตอร์ ปฏิบัติตามคำสั่ง กรมธนารักษ์ยันการส่งมอบ ไม่กระทบผู้ใช้น้ำ

อีสท์ วอเตอร์ ส่งมอบทรัพย์สิน โดยยังคงมีสิทธิในทรัพย์สินที่อยู่ในพื้นที่ทับซ้อน ยินยอมถูกบังคับตามคำสั่ง แต่ขอให้การเปลี่ยนผ่านทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งขอบเขตโครงการของกรมธนารักษ์ การสูบจ่ายน้ำซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำภาคครัวเรือน ภาคอุตสาหกรรม และภาพรวมการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่อีอีซีเป็นหลัก

วันที่ 12 เมษายน 2566 ตามที่กรมธนารักษ์ มีคำสั่งให้บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ ต้องส่งมอบทรัพย์สินโครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบัง ระยะที่ 2 ให้แก่กรมธนารักษ์

โดยในวันที่ 11 เมษายน 2566 นายสมมาตร มณีหยัน รองอธิบดีกรมธนารักษ์ ผู้มีอำนาจดำเนินการแทนกระทรวงการคลัง และคณะได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ส่งมอบทรัพย์สินร่วมกันกับอีสท์ วอเตอร์ และผู้ประกอบการรายใหม่

นายสมมาตร มณีหยัน
นายสมมาตร มณีหยัน รองอธิบดีกรมธนารักษ์

และในช่วงบ่ายวันเดียวกันนั้น กรมธนารักษ์ได้มีการประชุม 3 ฝ่าย เกี่ยวกับการส่งมอบทรัพย์สิน และตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง โดยกรมธนารักษ์ได้ยืนยันให้มีการส่งมอบทรัพย์สิน ส่วนอีสท์ วอเตอร์ ขอให้คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำเป็นสำคัญ

เนื่องจากมีทรัพย์สินของอีสท์ วอเตอร์ ที่สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมโยงท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกให้เป็น Water Grid ตามมติคณะรัฐมนตรี เช่น มิเตอร์ ปั๊มน้ำ เครื่องสูบน้ำ สถานีสูบ ระบบ SCADA ที่ใช้ควบคุมแรงดันน้ำจากระยะไกล

อีสท์ วอเตอร์

ซึ่งการส่งมอบทรัพย์สินโดยไม่ได้มีการตกลงแผนปฏิบัติงานร่วมกันจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำ จึงได้มีการลงนามบันทึกการรับมอบ-ส่งมอบทรัพย์สินอันเป็นกรรมสิทธิ์ของกระทรวงการคลัง โครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก โครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบัง

(ระยะที่ 2) ร่วมกันระหว่าง นายสมมาตร มณีหยัน รองอธิบดีกรมธนารักษ์ ผู้มีอำนาจดำเนินการแทนกระทรวงการคลัง และนายบดินทร์ อุดล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ ผู้รับมอบอำนาจจากอีสท์ วอเตอร์

โดยมีสาระสำคัญด้วยว่า อีสท์ วอเตอร์ ยังมีสิทธิในพื้นที่ทับซ้อน และทรัพย์สินอื่นตามที่ระบุในรายการทรัพย์สินได้ต่อไป จนกว่าจะได้ข้อสรุปร่วมกันระหว่างกรมธนารักษ์ และอีสท์ วอเตอร์ ในภายหลัง เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำ

อีสท์ วอเตอร์ มีเจตนารมณ์และดำเนินการโดยตระหนักถึงความสำคัญของผู้ใช้น้ำ การบริหารจัดการน้ำในภาพรวม และความเชื่อมั่นของนักลงทุนในพื้นที่อีอีซี เพราะการบริหารจัดการท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกที่เป็นกระดูกสันหลังด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาการดำเนินการอย่างรอบคอบ เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และไม่มีการกระทำความผิดทางอาญาเกิดขึ้น

อีสท์ วอเตอร์

ในส่วนทรัพย์สินที่อีสท์ วอเตอร์ ได้ส่งมอบให้ตามคำสั่งของกรมธนารักษ์ จึงเป็นหน้าที่ของกรมธนารักษ์และผู้ประกอบการรายใหม่ที่จะดำเนินการโดยตระหนักถึงความสำคัญของผู้ใช้น้ำและถูกต้องตามกฎหมายต่อไป