จับตา หอการค้าพบ พิธา บ่ายนี้ ปลดล็อก “นโยบายเศรษฐกิจ”

สนั่น อังอุบลกุล
สนั่น อังอุบลกุล

จับตาหอการค้าพบพิธาบ่ายนี้ ปลดล็อก “นโยบายเศรษฐกิจ” ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ นักลงทุนต่างชาติรอฟังคำตอบ

วันที่ 31 พฤษภาคม 2566 นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การประชุมหารือกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในวันนี้ (31 พฤษภาคม 2566) ซึ่งจะมีหอการค้าจังหวัด หอการค้าต่างประเทศ 40 ประเทศ รวมถึงตัวแทนนักธุรกิจรุ่นใหม่ เข้าร่วมหารือด้วย

โดยประเด็นที่จะหารือเป็นเรื่องความห่วงใยของภาคเอกชนใน 8-9 ประเด็น โดยเฉพาะเรื่องนโยบาย การปรับนโยบายฐานศูนย์ การปรับขึ้นค่าแรง ค่าไฟ ค่าพลังงาน การแก้กฎระเบียบกฎหมายที่สามารถทำได้ทันทีควรทำเลย

“ขอให้ว่าที่พรรคที่กำลังจัดตั้งรัฐบาลให้ดำเนินการตั้งรัฐบาลโดยเร็วที่สุด ตามไทม์ไลน์ประชุมสภาสิงหาคม แต่เลือกนายกฯจะได้เมื่อไร นักธุรกิจโดยเฉพาะนักธุรกิจต่างประเทศ หอการค้าต่างประเทศ 40 ประเทศ สอบถามตลอดเวลารวมถึงทูตจากต่างประเทศก็มีความห่วงใยและกังวลว่ารัฐบาลจะจัดตั้งได้เมื่อไร และจะมีนโยบายอย่างไร เพราะตอนนี้โมเมนตัมด้านการลงทุนที่กำลังจะเข้ามา ซึ่งอาจจะหยุดชะงักหากนโยบายยังไม่ชัดเจน นโยบายที่จะประกาศกับทางสภาเป็นอย่างไร นี่เป็นสิ่งที่เราอยากจับคุยกัน”

เบรกการรื้องบประมาณฐานศูนย์

นายสนั่นยังระบุอีกว่า เอกชนให้ความกังวลและสนใจในเรื่องการจัดทำงบประมาณฐานศูนย์ โดยอยากจะขอว่าอย่าเพิ่งทำได้หรือไม่ เพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดความล่าช้าว่าจะใช้งบประมาณปีหน้ามาไม่ทัน และไทยจำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมาก เพราะเรากำลังอยู่ระหว่างการฟื้นตัว การท่องเที่ยว การบริการ เอสเอ็มอี รวมถึงเศรษฐกิจฐานราก ชุมชนต่างรอคอยความชัดเจน ถ้าหากงบประมาณเกิดความล่าช้าก็อาจจะกระทบหนักสำหรับเศรษฐกิจไทยชะลอแน่ เสียดาย งบประมาณรายจ่ายสำคัญทำได้ เรื่องอะไรทำได้ทำก่อน

“เรื่องงบประมาณฐานศูนย์เห็นด้วยแต่ต้องใช้เวลา ทำความเข้าใจ เกิดขึ้นได้จริง”

นโยบายลดผูกขาดต้องแคร์เอกชน

ส่วนเรื่องนโยบายของพรรค การลดผูกขาด มองว่าเอกชนเองก็คงอยากจะเห็นเศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ไม่ต่างกัน ซึ่งต้องยอมรับว่าเอกชนเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมาตลอด แม้จะเกิดวิกฤตช่วงไหน แต่ผ่านมาได้เพราะเอกชนเข้มแข็ง ทุกรัฐบาลไม่ว่าจะรัฐบาลทหารหรือพลเรือนก็ทำงานร่วมเอกชนได้ดีถ้าเทียบกับประเทศอื่น ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ให้ความสนใจ เรื่องนี้จึงมองว่าไม่น่าห่วง

“เรื่องการปรับโครงสร้างพลังงาน ช่วงที่คุยก็คงหารือ ว่าทางพรรคต้องทำให้เห็นว่าเราเสียค่าความพร้อม ทำให้อัตราค่าไฟปรับ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ามีทางออก ถ้าทางหอฯ ชี้ทางออกให้ถ้าเขาทำได้ ทุกฝ่ายจะได้ประโยชน์ ประชาชนก็ยกมือให้ ไม่เกิดความขัดแย้ง ทุกคนอยู่รวมกันได้ ไม่ผิดกฎหมาย ไม่เอาเปรียบ ระยะกลาง ยาว ดี เชื่อว่าจะเดินหน้าไปได้”

ชงทางออกค่าแรง 450 บ.

ส่วนกรณีการขึ้นค่าแรง 450 บาทต่อวันทันที ผมว่าหอการค้าต่างประเทศก็ถามคำถามนี้ว่าจะไหวหรือ หากปรับคงไปเวียดนาม อินโดนีเซีย ซึ่งเขาต้องการทราบความชัดเจน ซึ่งตอนนี้ทั้งพรรคเพื่อไทย ก้าวไกล มาด้วยเสียงจากประชาชน การเดินนโยบายก็ควรฟังเสียงประชาชน ซึ่งเอกชนมีหอการค้าจังหวัดดำเนินงานในแต่ละพื้นที่ จะต้องฟังเขาว่าทางออกเป็นอย่างไร มีกลไกไตรภาคีอยู่แล้ว หวังดี แต่ผลจะออกมาดีจริงหรือไม่ ต้องมาลองหารือกันดู

“วันที่หารือจะชี้ให้เห็นว่าการมีสัญญาประชาชน ประชาชนลงคะแนนเสียงให้ คงไม่ใช่ลงเพราะนโยบาย 450 บาทต่อวันอย่างเดียวเท่านั้น ฉะนั้น แต่ละส่วนที่ออกมา ทางพรรคก้าวไกลเข้าใจ หาทางออกที่ดีด้วยกัน ผมคิดว่าฐานเสียงเขาจะดีขึ้นระยะไกล ซึ่งเราไม่ได้ ไม่ได้บอกไม่ให้ปรับค่าแรง แต่ปรับในช่วงเวลาที่เหมาะสม และสถานที่หรือจังหวัดที่เหมาะสม และไม่ควรขึ้นในอัตราเดียวกัน ทุกจังหวัด ฟันธงได้ ถ้ารัฐบาลสามารถทำให้ GDP ของประเทศโต 5% ก็มีโอกาสปรับค่าแรงเกินกว่า 450 บาทก็ได้ ต้องดูรายรับ รายจ่าย ขับเครื่อง GDP ดีกว่า”

เร่งแก้กม.-ความโปร่งใส ลองเทอมเรสซิเดนซ์ ชัดเจน

นอกจากนี้ ก็การหารือในประเด็นกฎระเบียบ ความโปร่งใส นโยบายระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องการรับฟังความชัดเจน ยุทธศาสตร์ 20 ปี เขามาเพียงแต่ว่าจะทำต่อไหม ซึ่งเราก็ต้องการสะท้อนเสียงจากทุกฝ่าย รวมไปถึงต่างชาติที่นำเม็ดเงินเข้ามาในประเทศ