ครม. มีมติพยุงราคาข้าว ตันละ 12,000 บาท ช่วยค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1 พัน

ชาวนา ประกันรายได้ข้าว
ภาพจาก pixabay

ครม.มีมติพยุงราคาข้าวตันละ 1.2 หมื่น จ่อช่วยค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1 พัน รอ นบข.เคาะก่อนเข้า ครม.สัปดาห์หน้า

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ พร้อมด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมแถลงเรื่องมาตรการช่วยเหลือราคาข้าวตกต่ำ

ทั้งนี้ นายชัยกล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือชาวนา เนื่องจากราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ ราว 9 ล้าน 5 แสนตัน ความชื้น 25% ราคาตันละ 11,000 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาเป็นจริง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้เสนอโครงการเพื่อแทรกแซงราคาตลาดเพื่อช่วยเหลือชาวนา

1.โครงการสินเชื่อชะลอขายข้าวเปลือกนาปี โดยข้าวเปลือกหอมมะลิ ความชื้น 25% จะให้สินเชื่อที่ตันละ 12,000 บาท และให้ค่าเก็บรักษาคุณภาพ ระยะเวลา 5 เดือน ตันละ 1,500 บาท ดังนั้นหากเกษตรกรที่เก็บรักษาผลผลิตด้วยตัวเองจะได้เงินสินเชื่อ 13,500 บาทต่อตัน แต่ในกรณีที่ชาวนาไม่มีที่เก็บต้องไปฝากสถาบันเกษตรหรือสหกรณ์ช่วยเก็บให้ สหกรณ์จะได้เงิน 1,000 บาท ส่วนเกษตรกรได้ 500 บาท โดยมีเป้าหมายที่ข้าวเปลือกหอมมะลิจำนวน 3 ล้านตัน

2.โครงการสินเชื่อสถาบันการเกษตร เข้าไปแทรกแซงตลาดเพื่อซื้อแข่งในราคานำร่อง สำหรับข้าวเปลือกหอมมะลิความชื้น 25% ตันละ 12,200 บาท เพื่อให้สูงกว่าราคาตลาดและเมื่อนำมาซื้อและขายได้แล้วจะต้องแบ่งกำไรให้กับชาวนาตันละ 300 บาท เป้าหมาย 1 ล้านตัน

ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้ใช้งบประมาณจ่ายขาดราว 10,600 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นสินเชื่อจำนวน 44,437 ล้านบาท รวมเป็น 55,037 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของโครงการแรก ดอกเบี้ย ธ.ก.ส. รัฐบาลช่วยจ่าย แต่ในโครงการที่ 2 ดอกเบี้ย 4.85% รัฐบาลจะช่วยชดเชย 3.85% ขณะที่สถาบันการเงินจะชดเชยให้ 1%

3.โครงการสนับสนุนการจัดการพัฒนาคุณภาพข้าว ซึ่งเดิมตั้งใจว่าจะให้ไร่ละ 1,000 บาท รายละไม่เกิน 20 ไร่ หรือรายละไม่เกิน 20,000 บาท โดยไม่เลือกประเภทข้าว จะใช้งบประมาณจ่ายขาดราว 56,000 ล้านบาท แต่โครงการนี้ยังต้องชะลอไปก่อน เนื่องจากเรื่องนี้ยังไม่ได้รับมติเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารจัดการข้าว และยังไม่มีข้อกำหนดชัดเจนว่า ชาวนาที่ได้รับเงินชดเชยจากน้ำท่วมไปแล้วจะได้รับการช่วยเหลือในครั้งนี้ด้วยหรือไม่

ด้านนายภูมิธรรมกล่าวว่า รัฐบาลเป็นห่วงชาวไร่ชาวนาที่ปลูกข้าวเลี้ยงคนทั้งโลก และพยายามจะดูสูตรต่าง ๆ สำหรับการใช้มาตรการในปีนี้เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ในส่วนของโครงการสนับสนุนการจัดการพัฒนาคุณภาพข้าว

จึงขอให้มีการพูดคุยในรายละเอียดอีกครั้งเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม นบข. ครั้งหน้าพิจารณาโดยด่วน ก่อนจะดำเนินการตามมติของที่ประชุม แต่ทั้ง 3 กระทรวงได้พูดคุยและเห็นตรงกันว่า จะต้องมีการชี้แจงที่มาที่ไปของโครงการนี้ให้ที่ประชุม นบข.เข้าใจ ซึ่งนายจุลพันธ์ รมช.คลัง ซึ่งกำกับดูแล ธ.ก.ส. จะนำเงินมาช่วยดูแลในส่วนนี้ ซึ่งทันทีที่ นบข. มีมติก็จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เลย

ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน เวลา 14.00 น. จะนำรายละเอียดโครงการที่ 3 นี้เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ นบข. พิจารณาและมีมติ