สภาเกษตรกรแห่งชาติส่งมาตรการ 3 ระยะ 11 ข้อ เพื่อแก้ปัญหาการระบาดโรคในสุกรแก่รัฐบาล ชี้เกษตรกร คนไทย บอบช้ำมานานมากแล้ว
วันที่ 12 มกราคม 2564 นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวว่า สภาเกษตรกรแห่งชาติได้ร่วมกับคณะทำงานแก้ไขปัญหาโรคระบาดในสุกร พร้อมและยินดีสนับสนุนให้ความร่วมมือและให้กำลังใจกับส่วนราชการและภาคีเครือข่าย
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- ราคาทองวันนี้ (29 มี.ค. 67) พุ่งกระฉูด 600 บาท ทองรูปพรรณบาทละ 39,050 บาท
- เลิกอุ้มดีเซล 30 บาท จ่อขยับเพดานราคา 2 บาท มีผล 1 เมษายน 2567
โดยเฉพาะเกษตรกรและผู้ประกอบการในการขับเคลื่อนเพื่อช่วยแก้ปัญหาโรคระบาดในสุกร ซึ่งสภาเกษตรกรแห่งชาติได้จัดทำหนังสือข้อเสนอเชิงนโยบายโครงการฟื้นฟูเยียวยาและปรับโครงสร้าง การเลี้ยงสุกรของเกษตรกรรายกลางถึงรายย่อยทั้งประเทศเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันแบบยั่งยืน โดยเสนอให้แก่รัฐบาลเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2564 ด้วย มาตรการเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการทันที
ได้แก่ 1.เร่งจ่ายเงินเยียวยาเพื่อชดเชยความเสียหายจากโรคระบาดกับเกษตรกรรายกลาง รายเล็ก รายย่อย ที่ทำลายซากสุกรไปแล้ว โดยขอให้กรมปศุสัตว์เร่งดำเนินการจ่ายเงินชดเชยให้กับเกษตรกรที่ได้ทำลายซากไปแล้ว ซึ่งปัจจุบันพบว่ายังมีเกษตรกรส่วนหนึ่งยังไม่ได้รับค่าชดเชยทั้งที่เวลาได้ล่วงเลยมานานพอสมควรแล้ว
กับขอสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมในการชดใช้ราคาสุกรเพื่อเฝ้าระวังป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) เพื่อรอการดำเนินการตามแผนลดความเสี่ยงต่อโรคระบาดสำคัญในสุกร 2.รัฐบาลควรจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำหรือปลอดดอกเบี้ย
โดยรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยเพื่อให้เกษตรกรรายย่อยและรายกลาง ดำเนินการปรับปรุงโรงเรือน สถานที่ และระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ เพื่อเป็นระบบ GFM ของกรมปศุสัตว์ ด้านผู้ประกอบการโรงฆ่าสุกร โรงงานแปรรูป เพื่อดำเนินการปรับปรุงโรงเรือนและกระบวนการผลิต เข้าสู่ระบบมาตรฐาน GMP , HACCP หรือระบบของกรมปศุสัตว์ 3.ให้นำระบบ Zoning และ Compartment มาใช้ในการควบคุมและป้องกันโรคระบาดสัตว์
4.ขึ้นทะเบียนคนกลางรับซื้อสุกร (broker) ทุกรายทุกขนาดและออกระเบียบให้มีบทบาทและมีความรับผิดชอบต่อห่วงโซ่การผลิตสุกร ในฐานะเครือข่ายหนึ่งในการป้องกันโรคระบาดและการสร้างมูลค่าเพิ่มในห่วงโซ่การผลิต 5.เร่งทำงานวิจัยเรื่องผลกระทบของกฎหมาย ประกาศกระทรวงต่าง ๆ และระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อพัฒนาวงการสุกร โดยเฉพาะรายกลาง – รายย่อย เพื่อแก้ไขและปรับปรุงโดยด่วน
6.สนับสนุนให้จัดตั้งกองทุนสุกรให้เป็นรูปธรรม ด้วยความร่วมมือสนับสนุนงบประมาณ จากกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำหรับผู้เลี้ยงสุกร และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง 7.นำระบบเศรษฐกิจใหม่ BCG Model มาใช้ในวงการปศุสัตว์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน ให้เร่งจัดทำแผนโดยละเอียดเพื่อเร่งดำเนินการต่อไป
ขณะที่ มาตรการระยะปานกลาง ภายใน 3 ปี ได้แก่ 1.เร่งรัดให้กรมปศุสัตว์ เพิ่มศักยภาพในการตรวจวินิจฉัย ชันสูตรโรค ที่ได้มาตรฐาน ทั้งกำลังคนและเครื่องมือ หรือสร้างเครือข่ายการชันสูตรโรคกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในภูมิภาค เพื่อให้บริการแก่เกษตรกรอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วในการเคลื่อนย้ายและควบคุมโรค 2.สนับสนุนให้มีการวิจัย และพัฒนาการเลี้ยงสุกรเข้าสู่ ระบบ Precision agriculture ที่เหมาะสมกับเกษตรกรแต่ละระดับรวมถึงการวิจัยวัคซีน และชีวภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อลดการใช้ยาปฏิชีวนะ
โดยสถาบันการศึกษาทั้งในและต่างประเทศร่วมกับกรมปศุสัตว์ และปิดท้ายกับ มาตรการระยะยาว ภายใน 5 ปี ได้แก่ 1.กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ให้ประเทศไทยปลอดจากโรคปากและเท้าเปื่อย หรือควบคุมโรคได้ด้วยวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ 2.สนับสนุนให้ภาคเอกชน หรือกลุ่มเกษตรกร ตั้งโรงงานผลิตวัคซีนสำหรับสัตว์ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อใช้ในประเทศและจำหน่ายในกลุ่มอาเซียน โดยอาจอยู่ในรูปแบบของ 4 P คือ Public, Private, Professional, People Partnership เป็นต้น
“เพื่อให้ทุกๆปัญหาในภาคเกษตรกรรมผ่านพ้น สภาเกษตรกรแห่งชาติยินดีสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับทุกฝ่าย ประเทศไทย คนไทยบอบช้ำมามากแล้ว ขอให้ร่วมแรงรวมใจฮึดสู้กันอีกสักครั้งหนึ่ง ด้วยความหวัง ห่วงใยและขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องครับ” นายประพัฒน์ กล่าวปิดท้าย
• โรคระบาดหมู ASF เสียหาย 5.5 หมื่นล้าน ส่งออกป่วน-วืดเบอร์ 1 อาเซียน
• อธิบดีปศุสัตว์ยอมรับเป็นทางการครั้งแรก พบโรค ASF ในหมู
• สำรวจราคาสินค้า หมู ไก่ ไข่ ราคาเพิ่มขึ้นแล้วเท่าไร
• เปิดไทม์ไลน์โรคระบาดหมู (ASF) ครม. ตั้งเป็นวาระแห่งชาติ ปี’62