ราคาน้ำมันดิบปรับลด ตลาดกังวลอุปสงค์อาจชะลอตัวลงจากการที่เฟดขึ้นดอกเบี้ย

น้ำมันดิบ-แท่นขุดเจาะ

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับลดหลังตลาดกังวลว่าอุปสงค์อาจชะลอตัวลงจากการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

วันที่ 16 มิถุนายน 2565 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับลด เนื่องจากตลาดกังวลว่าอุปสงค์อาจชะลอตัวลง จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐปรับขึ้นดอกเบี้ยกว่า 0.75% นับว่าเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดของธนาคารกลางสหรัฐนับตั้งแต่ปี 2537 ส่งผลให้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2545 การที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันซึ่งส่วนใหญ่ซื้อขายเป็นเงินสกุลดอลลาร์แพงขึ้นด้วยสำหรับผู้ที่ถือเงินสกุลอื่น ซึ่งอาจทำให้อุปสงค์ลดลงได้

โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 15 มิ.ย. อยู่ที่ 115.31 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -3.62 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 118.51 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -2.66 เหรียญสหรัฐ

สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) เผยสต๊อกน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐสิ้นสุดสัปดาห์ ณ วันที่ 10 มิ.ย. 65 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล ในขณะเดียวกัน การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 100,000 บาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 12 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ เม.ย. 63

กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (OPEC+) กำลังประสบปัญหาการผลิตให้ได้ตามโควตา โดยล่าสุดทางกลุ่มได้รับผลกระทบจากวิกฤตทางการเมืองที่ทำให้การผลิตของลิเบียลดลง โดยนักวิเคราะห์คาดว่า เนื่องจากการผลิตของกลุ่มโอเปกยังลดลงจากระดับที่ประกาศไว้ ซึ่งจะส่งผลให้อุปทานขาดดุลประมาณ 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วงครึ่งหลังของปี

ราคาน้ำมันเบนซิน

ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลัง ได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในมาเลเซีย จากการคลายข้อจำกัดการเดินทางในเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ราคายังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการผลิตน้ำมันเบนซินในมาเลเซียที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

ราคาน้ำมันดีเซล

ปรับเพิ่มขึ้นสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตลาดคาดว่า ความต้องการใช้น้ำมันในภูมิภาคจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากการเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทาง อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากการส่งออกน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากเกาหลีใต้และไต้หวัน