คลัง ลงดาบซ้ำเศรษฐีที่ดิน เก็บภาษีปลูกกล้วยกลางเมือง

ภป-ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
แฟ้มภาพประกอบข่าว

คลังชี้ท้องถิ่นมีอำนาจพิจารณาเก็บภาษีเศรษฐีนำที่ดินใจกลางเมืองปลูกพืชเกษตร หากประเมินว่า เจ้าของที่ดินแปลงใดมีเจตนาหลบเลี่ยงภาษี ตามกฎหมายให้อำนาจ

วันที่ 15 กันยายน 2565 นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่กรุงเทพมหานครขอหารือกับกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในกรณีที่มีการปลูกพืชการเกษตรในที่รกร้างว่างเปล่าใจกลางเมืองเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ว่าคณะอนุกรรมการวินิจฉัยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้มีการประชุมร่วมกับกรุงเทพมหานครในกรณีดังกล่าว แต่ยังไม่ได้ส่งรายงานมาที่คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งมีตนเป็นประธาน

“คณะอนุกรรมการดังกล่าว จะต้องส่งคำวินิจฉัยดังกล่าวมาให้คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งผมในฐานะปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เพื่อหาข้อสรุป อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ คณะอนุกรรมการชุดดังกล่าวยังไม่ได้เสนอเรื่องมาให้พิจารณา”

อย่างไรก็ดี ในหลักการของการจัดเก็บภาษีดังกล่าวนั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแต่ละท้องถิ่นเอง เช่น หากพบว่ามีการปลูกพืชการเกษตรเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ก็สามารถจัดเก็บภาษีได้ ซึ่งเรื่องนี้ ในหลักการต้องดูที่เจตนาด้วย แม้ว่าจะมีการปลูกพืชเกษตรในที่รกร้างว่างเปล่า ถ้าเจตนาเลี่ยงภาษี ทางท้องถิ่นก็ต้องใช้ดุลพินิจในการพิจารณาว่า จะมีการจัดเก็บภาษีหรือไม่

ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของการจัดเก็บภาษีที่รกร้างว่างเปล่า ก็เพราะต้องการให้เกิดการใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์มากขึ้น หากการปลูกพืชเกษตรตามข้อกำหนดของกฎหมาย ก็ถือว่า มีการใช้ประโยชน์จากที่ดินนั้น ๆ อย่างถูกต้อง โดยตามกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งจัดเก็บภาษีที่ดินที่รกร้างว่างเปล่าไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรในอัตราที่สูงกว่าที่ดินประเภทอื่น ๆ นั้น ก็เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ประโยชน์ในที่ดิน

“หากเป็นที่ดินรกร้างไม่ว่าอยู่ที่ใดในประเทศ แล้วเจ้าของที่ดินนำที่ดินแปลงนั้นไปทำการเกษตร ตามข้อกำหนดว่า จะต้องมีต้นไม้ในพื้นที่กี่ต้นต่อไร่ หากเป็นไปตามข้อกำหนดที่กฎหมาย กำหนด ก็ต้องถือว่าที่ดินแปลงนั้นได้ใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตร”

ทั้งนี้ กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้กำหนดอัตราภาษีสูงสุด ที่จะให้อำนาจท้องถิ่นในการจัดเก็บภาษีตัวนี้ ตามประเภทที่ดินดังนี้ คือ ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม อัตราเพดานอยู่ที่ 0.15 %ของมูลค่าที่ดิน, ที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย เพดานอยู่ที่ 0.3% ของมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และที่ดินประเภทอื่นนอกเหนือจากเกษตรกรรม และที่อยู่อาศัย เช่น ที่ดินที่ใช้ในเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม รวมถึงที่ดินรกร้างว่างเปล่า มีเพดานอยู่ที่ 1.2%

ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวว่า โดยคณะกรรมการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จะกำหนดอัตราภาษีแนะนำ แต่ละประเภทที่ดิน ให้เป็นแนวทางให้ท้องถิ่นจัดเก็บ ซึ่งท้องถิ่นสามารถจัดเก็บในอัตราที่ต่ำกว่าอัตราแนะนำ หรือสูงกว่าก็ได้ แต่ต้องไม่เกินเพดานที่กำหนด

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ดินรกร้างว่างเปล่า ไม่ได้ทำประโยชน์ตามสมควรแก่สภาพนั้น กฎหมายยังกำหนดอีกว่า หากที่ดินแปลงใดปล่อยไว้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า และถูกเสียภาษีในอัตราที่รกร้างว่างเปล่าแล้ว ยังไม่ได้นำที่ดินแปลงนั้นมาใช้ประโยชน์ ยังคงปล่อยไว้ให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่านั้น ในทุก 3 ปี จะปรับอัตราภาษีเพิ่มอีก 0.3% หากไม่ได้ทำประโยชน์อะไรอีก ก็จะปรับขึ้นภาษีไปเรื่อย ๆ แต่สูงสุดจะต้องไม่เกิน 3% ของราคาประเมิน