ส่องหุ้นเครื่องดื่ม ผงาดรับหน้าร้อน “ICHI-SAPPE” ท็อปฟอร์ม

สำหรับในไตรมาส 1/2567 ประเมินว่าภาพรวมแล้วตัวของกำไร น่าจะเห็นการเติบโตได้เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากว่าหลาย ๆ ตัวได้ประโยชน์จากตัวของหน้าร้อน มีทิศทางของอากาศที่ร้อนขึ้นกว่าปีก่อน ก็ยังมีโมเมนตัมที่ดีต่อเนื่อง

ส่วนปีนี้คาดภาพรวมหุ้น 5 ตัว ที่คัฟเวอร์ จะมีการเติบโตในแง่ของกำไรประมาณ 17% YOY จาก 6.5 พันล้านบาท ในปี 2566 เป็น 7.6 พันล้านบาท ในปี 2567

“หุ้นเครื่องดื่มเป็นอีกธีมการลงทุนที่น่าสนใจนะครับในปีนี้ เพราะว่าได้ประโยชน์จากการที่อุณหภูมิของเมืองไทย หน้าร้อนปีนี้ต้องเรียกว่าร้อนจัด ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยา มีการคาดการณ์ว่า อุณหภูมิจะร้อนสุดอยู่ที่ระดับ 44.5 องศาเซลเซียส

วันนี้ Prachachat Wealth เล่าเรื่องการลงทุน จึงได้มีโอกาสเชิญ คุณธนวิชช์ บุญชูวงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) มาร่วมพูดคุยภาพรวมธุรกิจเครื่องดื่ม ผลการดำเนินงาน และหาหุ้นเด่นที่น่าลงทุน”

Q: ภาพการแข่งขัน ในกลุ่มเครื่องดื่ม เป็นอย่างไรบ้าง

ถ้าเราดูการแข่งขันในตลาดเครื่องดื่ม ปกติแล้วก็เป็นการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว ถ้าเราดูในแง่ของตู้แช่ต่าง ๆ แม้กระทั่งในเซเว่น หรือร้านค้าที่เป็นโชห่วยต่างจังหวัดต่าง ๆ ก็จะมีในแต่ละ Category ก็จะมีหลากหลายแบรนด์ ก็คือไม่ว่าจะเป็น Energy Drink ก็มีมากกว่า 3 แบรนด์ เขาเรียกว่ามีคู่แข่งค่อนข้างมาก

ทีนี้ถ้าเราดูแต่ละกลุ่ม อย่างเซ็กเมนต์หลัก ๆ อย่างตัวของ Energy Drink ภาพปีที่แล้วเห็นการเติบโตได้ เพราะว่ามีการปรับราคาของผู้เล่นบางราย ทำให้ตลาดเติบโต การแข่งขันปีนี้ ปี 2024 ก็คิดว่าจะเป็นการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากแต่ละคนมุ่งเป้าที่จะชิงส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นของทาง บมจ.โอสถสภา (OSP) ที่มองเป้าส่วนแบ่งการตลาดของเขาน่าจะขึ้นมาสัก 2% จากปลายปีที่แล้ว และตัวของ บมจ.คาราบาวกรุ๊ป (CBG) ก็คาดว่าจะมีแผนที่จะแตะ 25% มาร์เก็ตแชร์ในแง่จำนวนของวอลุ่ม

คิดว่าทั้งสองก็มีการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น และยังมีคู่แข่งเจ้าใหม่ ๆ ที่เข้ามา อย่างเห็น ตันพาวเวอร์ ที่มีการเข้ามาทำตลาดในช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา คิดว่าการแข่งขันในแง่ของตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง น่าจะสูงขึ้น

ทีนี้อีกตลาดหนึ่ง ถ้าเป็นตลาดของที่เป็นชาเขียว Ready to Drink Tea ผู้เล่นหลัก 2 เจ้า คิดว่าการแข่งขันไม่น่าจะสูงมากนัก เนื่องจากแต่ละเจ้ามีกำลังการผลิต หรือโครงสร้างการผลิตเป็นขวดคนละเซ็กเมนต์กัน คือคนหนึ่งเน้นขวด 10 บาท และอีกคนหนึ่งเน้นขวด 20 บาท ก็น่าจะเป็นการเติบโตไปพร้อมกับตลาดที่เติบโตมากกว่า

ทีนี้มีอีกตลาดหนึ่งที่เป็นพวก Soft Drink ที่เติบโตขึ้นมา ตัวนี้ก็มีผู้เล่นหลายเจ้าเข้าไป หนึ่งในนั้นก็จะเป็นของทาง OSP เป็น M-150 Sparkling ตัวนี้พึ่งลอนช์เข้าไป

คือตลาดตรงนี้ แต่เดิมที่เป็นน้ำอัดลม เกี่ยวกับ Energy Drink ประมาณสัก 300 ล้านบาท ตอนนี้ก็มองเป้า 5 ปีกันที่ประมาณสักพันล้าน ซึ่งเรามองว่ามีโอกาส มีศักยภาพในการเข้าไปทำตลาดตรงนี้

แต่เดิมถ้าเราดูตลาดที่เป็นน้ำอัดลมคือ หลาย ๆ เจ้าเข้าไปแล้วมีตลาดที่เติบโตขึ้น ตรงนี้เป็น S-curve ใหม่ของทาง OSP ได้นะครับ

กำลังการผลิตใกล้เคียงกัน 70%

ถ้าดูในแง่ของกำลังการผลิตของแต่ละเจ้า แต่ละเจ้าจะมีกำลังการผลิตอยู่ใกล้เคียง 70% อย่าง CBG อยู่ที่ 70% OSP ก็เช่นเดียวกัน บมจ.อิชิตัน (ICHI) ก็รันที่ 71% ส่วน บมจ.เซ็ปเป้ (SAPPE) ก็รันที่ 77% เป็นของปีที่แล้ว และตัวของ บมจ.ไทย โคโคนัท (COCOCO) ก็รันที่ 70% ในแง่ของน้ำมะพร้าว

ภาพรวมแล้วทุกเจ้ามีกำลังการผลิตที่รันค่อนข้างสูง ปีนี้ก็คาดว่าจะมีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างของ ICHI จะเข้ามาในไตรมาส 4/2567

SAPPE ก็จะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้นในช่วงต้นเมษายนนี้ และ COCOCO เพิ่มกำลังการผลิตช่วงปลายปีที่แล้วเพื่อรองรับ

ภาพรวมก็จะมีแค่ OSP และ CBG ที่ไม่ได้มีการลงทุนหนักมากนัก

Q: ผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ของหุ้นเครื่องดื่ม  มีอัตราการเติบโตเป็นอย่างไร

สำหรับในไตรมาส 1/2567 ประเมินว่าภาพรวมแล้วตัวของกำไร น่าจะเห็นการเติบโตได้ YOY อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากว่าหลาย ๆ ตัวได้ประโยชน์จากตัวของหน้าร้อน มีทิศทางของอากาศที่ร้อนขึ้นกว่าปีก่อน ก็ยังมีโมเมนตัมที่ดีต่อเนื่อง

อย่างตัว ICHI ตัวของตลาดชาเขียวเดือน ม.ค. เติบโต 20.5% เขาก็เติบโตได้ดีกว่าตลาด ส่วนอีกหลาย ๆ เจ้า มีมาร์เก็ตแชร์ที่เพิ่มขึ้น อย่าง OSP และมีการเพิ่มสินค้าใหม่ อย่าง CBG จะมีรายได้ส่วนเพิ่มจากตัวของเบียร์

อย่างตัวของ SAPPE จะเป็นการรัน Utilization Rate ที่เพิ่มขึ้น เพราะมียอดขายที่เติบโตได้ ทำได้ตามแผนที่ 20-25% หลายตัว ๆ ก็มียอดขายที่คิดว่าไตรมาส 1/2567 เป็นไตรมาสที่ดีอีกไตรมาสหนึ่ง

กำไร 7.6 พันล้าน

ส่วนปีนี้เราคาดภาพรวมหุ้น 5 ตัว ที่เราคัฟเวอร์ จะมีการเติบโตในแง่ของกำไรประมาณ 17% YOY จาก 6.5 พันล้านบาท ในปี 2023 เป็น 7.6 พันล้านบาท ในปี 2024

ส่วนหุ้นแนะนำของเรา จะเป็นตัวของ ICHI และ SAPPE ในช่วงครึ่งปีแรก

หุ้นทุกตัวใน Coverage เรา ยังเป็นคำแนะนำซื้ออย่าง CBG ราคาเป้าหมายที่ 80 บาท OSP ราคาเป้าหมาย 24 บาท ระยะสั้นเห็นโมเมนตัมที่ดีของมาร์เก็ตแชร์ที่เพิ่มขึ้น ICHI ราคาเป้าหมาย 20 บาท

SAPPE เราก็พึ่งปรับคำแนะนำขึ้น เป็นราคาเป้าหมาย 111 บาท เห็นโมเมนตัมที่ดี และมีแนวโน้มที่เติบโตได้ดีต่อเนื่อง และตลาดในภูมิภาค ยุโรป ปีนี้ก็คิดว่าน่าจะได้อานิสงส์เชิงบวกจากการจัดโอลิมปิกและฟุตบอลยูโรในตรงส่วนนี้ด้วย

ส่วน COCOCO เราให้ราคาเป้าหมายที่ 11.5 บาท ตรงนี้ถ้าดูแผนของผู้บริหาร ก็จะมีอัพไซด์จากเราและ Consensus ประมาณ 10-15% ก็ยังมีโมเมนตัมเชิงบวก

Q: เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ จะมีเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน

ถ้าเราดูตัวเลขจากศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เม็ดเงินในช่วงของสงกรานต์จะอยู่ประมาณ 1.3-1.4 แสนล้านบาท

ถ้าเราดูตัวเลขนักท่องเที่ยว ปกติแล้วจะอยู่ประมาณ 3 ล้านคน เดือน ม.ค. เราเห็น 3 ล้านแล้ว เดือน เม.ย. อาจจะหย่อน ๆ หน่อย และรายจ่ายนักท่องเที่ยวต่อหัวก็จะอยู่ประมาณ 4-5 หมื่นบาท ถ้าคูณกันก็จะอยู่ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท

ในประเทศอีกเกือบ ๆ 10 ล้านคน ใช้จ่ายประมาณ 4-5 พันบาท ก็คิดว่าอยู่ในช่วงประมาณ 1.5 แสนล้านบาท