สัมภาษณ์พิเศษ
ภาพรวมการลงทุนในปีนี้เต็มไปด้วยความผันผวน หลากหลายปัจจัยเข้ามากระทบ ทั้งปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน เงินเฟ้อ ดอกเบี้ยขาขึ้น ไม่เพียงแต่นักลงทุนเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ ธุรกิจหลักทรัพย์เองก็ต้องปรับตัวด้วยเช่นกัน
“ประชาชาติธุรกิจ” ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “บรรณรงค์ พิชญากร” กรรมการผู้จัดการอาวุโส กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) มาสะท้อนภาพเหล่านี้
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- ออมสิน ฉลองครบวาระ 111 ปี จัดเต็ม สลากออมสินลุ้นรางวัลใหญ่ 111 ล้านบาท
สารพัดเสี่ยงกระทบลงทุน
“บรรณรงค์” กล่าวว่า การลงทุนในปีนี้เจอภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนรุนแรง จากปัญหาที่ใหญ่มาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสงคราม ดอกเบี้ยขาขึ้น เงินเฟ้อสหรัฐ การกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ ค่อนข้างที่จะวุ่นวายผิดปกติ การลงทุนจึงต้องประคองตัว โดยบางจุดไม่ต้องลงทุนเลยอาจจะดีกว่า และเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่เสี่ยงมากสำหรับคนที่รับความเสี่ยงไม่ได้
แต่ในทางกลับกัน สำหรับนักลงทุนที่มีความชำนาญช่วงตลาดขาลงก็เป็นโอกาสดีที่จะทยอยสะสมหุ้นดีที่ราคาถูกลงมาแต่ให้ค่อย ๆ เข้าลงทุน
“แนะนำว่ายังคงต้องถือเงินสดไว้บางส่วน เพื่อรอจังหวะในภาวะที่ตลาดยังอึมครึม ซึ่งมองว่าตลาดหุ้นน่าจะอึมครึมไปสักระยะอย่างน้อย 6 เดือน เพราะการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐและไทยยังเป็นปัจจัยเชิงลบต่อสินทรัพย์เสี่ยง แต่หากเงินเฟ้อพีกแล้ว แผนการขึ้นดอกเบี้ยเริ่มผ่อนคลาย เชื่อว่าตลาดหุ้นจะฟื้นตัวกลับมา โดยประเมิน ดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงสิ้นปีอยู่ที่ 1,705 จุด”
ลูกค้าวูบ-บัญชีเทรดแอ็กทีฟน้อยลง
“บรรณรงค์” ยอมรับว่า ช่วงนี้บัญชีเทรดหุ้นที่ลูกค้าสมัครเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงโควิด-19 ราว 2 ปีที่ผ่านมา แต่พอมาปีนี้ นักลงทุนหายไปค่อนข้างมาก ด้วยสภาพเศรษฐกิจ สภาพการลงทุนที่ไม่ตื่นเต้นและมีความเสี่ยง โดยคนกลัวเรื่องเศรษฐกิจถดถอย จึงยังไม่กล้าลงทุน ทำให้ฐานการขยายลูกค้าปีนี้ลดลงทั้งอุตสาหกรรม ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะลูกค้าที่ยังซื้อขาย (แอ็กทีฟ) ลดลงไปถึง 10%
เช่นเดียวกับปริมาณการซื้อขาย จากเดิมปีที่แล้วที่บางวันมากถึง 1 แสนล้านบาท ปีนี้เหลือเพียง 5-6 หมื่นล้านบาทต่อวัน ขณะที่นักลงทุนต่างชาติก็หายไปพอสมควร ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั่วโลก
เทรนด์หุ้น “จีน- เวียดนาม” น่าสนใจ
ท่ามกลางความผันผวนของทั่วโลกอย่างที่ว่ามา “บรรณรงค์” ชี้ว่า ตลาดหุ้นที่น่าลงทุนช่วงนี้ คือ หุ้นเวียดนาม ด้วยการเติบโตของ GDP ที่ระดับ 7% แน่นอนว่าเวียดนามก็ได้รับผลกระทบโควิดเช่นกัน แต่ปีนี้จะเห็นว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนหลาย ๆ บริษัทมีอัตราเติบโตถึง 20-30% เทียบกับ บจ.ในประเทศไทยจะหายากกว่า เนื่องจากไทยไม่ค่อยมีแรงผลักดันทางด้านเศรษฐกิจที่ทำให้อัตราการเติบโตพุ่งขึ้นมา ฉะนั้นจึงมองว่าหุ้นเวียดนามยังมีโอกาสเติบโตไปได้อีกในระยะยาว
รวมถึงตลาดหุ้นจีนก็เป็นอีกตลาดที่น่าสนใจ เพราะที่ผ่านมาหุ้นจีนลงมามาก แต่ตอนนี้จีนเริ่มผงกหัวกลับมาและจีนยังมีแผนที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้ยังมีอัตราการเติบโตที่ดี แต่ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนแนะนำให้นักลงทุนลงทุนผ่านกองทุน ETF (Exchange Traded Fun หรือกองทุนรวมดัชนีที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์) ก็จะช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดีมากขึ้น
ชู Wealth Connex ตัวช่วยลงทุน
นอกจากนี้ “บรรณรงค์” บอกว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บัวหลวงได้เปิดตัวแอปพลิเคชั่น “Wealth Connex” ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างดีและเป็นที่น่าสนใจ โดย Wealth Connex เรียกได้ว่าเป็น Digital Touchpoint เป็นเสมือนสาขาในโลกอินเทอร์เน็ตที่สามารถติดต่อสื่อสารกับบุคลากร BLS ได้ทั้ง IC, product expert, customer services และระบบงานต่าง ๆ แบบ hybrid service ในแพลตฟอร์มเดียว ง่าย สะดวก รวดเร็ว มั่นใจ
รวมถึงเป็นตัวช่วยส่งตรงข้อมูลข่าวสาร และบทวิเคราะห์ พร้อมบริการแจ้งเตือนทุกข้อมูลอัตโนมัติ และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แนวคิดการลงทุนกับทีมวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน เพื่อที่จะเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการลงทุนแบบครบวงจรทั้งในรูปแบบของบทความและคลิปวิดีโอ เพื่อให้ตอบโจทย์นักลงทุนรุ่นใหม่ ๆ มากขึ้น
“เราจพยายามพัฒนาบริการในรูปแบบต่าง ๆ ขึ้นมาเรื่อย ๆ ตามเรื่องที่เห็นว่าจะต้องแก้ไขเพื่อให้การบริการของเรามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นลูกค้าเริ่มทยอยดาวน์โหลดและทยอยเข้าใช้งานอย่างต่อเนื่อง
“แต่ต้องบอกว่า ตอนนี้เราไม่ได้ใส่เกียร์เดินหน้าเต็มที่ เพราะตั้งใจจะให้แอปเติบโตแบบออร์แกนิก เพื่อติดตามปัญหา และแก้ไขข้อขัดข้องที่เกิดขึ้น และตั้งใจให้เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปขณะที่กระแสตอบรับก็ออกมาค่อนข้างดี โดยตั้งแต่เปิดตัวจนถึงตอนนี้มีจำนวนลูกค้าที่มาใช้งานรวมอยู่ที่ประมาณ 25,000 ราย ซึ่งเป็นลูกค้าเดิมที่มีการแอ็กทีฟ หรือมีการทำธุรกรรมกับทางเราอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามเป้าหมายของบริษัท”
ตั้งเป้าสิ้นปีผู้ใช้แอปแตะ 6 หมื่นราย
ทั้งนี้ ปัจจุบันหลักทรัพย์บัวหลวงมีฐานลูกค้าทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 6.4 แสนราย โดยเป็นลูกค้าที่แอ็กทีฟประมาณ 50% หรือคิดเป็น 3.2 แสนราย ซึ่งมีเข้ามาใช้แอป Wealth Connex อยู่ที่ 25,000 ราย หรือเกือบ 10% ภายในระยะเวลาเพียง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะทำให้จำนวนนักลงทุนที่แอ็กทีฟเข้ามาใช้งานทั้งหมดให้ได้
“เป้าหมายในใจตอนนี้คือ ต้องการให้จำนวนผู้ใช้บริการภายในสิ้นปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 6-7 หมื่นราย ซึ่งช่วงครึ่งปีหลังนี้เราก็มีการเตรียมออกแคมเปญต่าง ๆ ที่จะดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้งานมากขึ้น” กรรมการผู้จัดการอาวุโส กิจการค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวงกล่าว