กทม. เตรียมเป็นเจ้าภาพ “ผู้จัดประชุมโลกปี’67” หนุนอุตสาหกรรม MICE 

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ สัญจรสำนักวัฒนธรรม ท่องเที่ยว และกีฬา

ชัชชาติสัญจร สวท. กทม. ชูสำนักพัฒนา Soft Power กทม. นายศานนท์ รองผู้ว่า กทม. เผย กทม. แต่งตัวรอเป็นเจ้าภาพงาน ICCA Congress ในปี 2567 ส่งเสริมอุตสาหกรรม MICE 

วันที่ 24 มกราคม 2566 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในกิจกรรมผู้ว่าฯ สัญจร สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว (สวท.) ว่า

“สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว เป็นสำนักที่มีความสำคัญอีกหน่วยงานของ กทม. เพราะเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของประชาชน อัตลักษณ์ชุมชน การสร้างเศรษฐกิจชุมชน รวมทั้งเรื่องสุขภาพ การกีฬาต่าง ๆ และอีกเรื่องที่สำคัญคือการท่องเที่ยว ซึ่งทุกเรื่องล้วนสามารถสร้าง Soft Power ที่มีส่วนสำคัญต่อเมือง”

นายชัชชาติกล่าวต่อว่า สำหรับศูนย์บริการในสังกัดของ สวท. มีหลายส่วน ประกอบด้วย ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ศูนย์เยาวชน (ศูนย์สร้างสุขทุกวัย) 34 แห่ง ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ 34 แห่ง พิพิธภัณฑ์เด็ก กทม. 2 แห่ง รถห้องสมุดเคลื่อนที่ 3 คัน ศูนย์กีฬา 12 แห่ง ศูนย์ฝึกกีฬาเยาวชน (โรงเรียนกีฬา กทม.) 3 แห่ง หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร 1 แห่ง พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น กทม. (บ้านจิรายุ-พูนทรัพย์) 1 แห่ง ซุ้มบริการการท่องเที่ยว 22 แห่ง จุดบริการนักท่องเที่ยว 1 แห่ง ซึ่งปีที่แล้วมีคนมาใช้บริการรวมกว่า 5 ล้านครั้ง ช่วงโควิด-19 ระบาดประมาณ 3.7 ล้านครั้ง และก่อนโควิด-19 ระบาดมีคนใช้บริการถึง 10 ล้านครั้ง ดังนั้น อนาคตคงต้องมีการปรับปรุงพัฒนาให้เข้มข้นขึ้น

เปิดพื้นที่นำร่องย่านสร้างสรรค์

นายชัชชาติกล่าวต่อว่า ทีมผู้บริหารมีนโยบายหลายอย่างซึ่ง สวท. ได้เริ่มทำไปแล้ว ลำดับแรกคือการสร้างอัตลักษณ์ของย่านซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเพราะจะทำให้เกิดเศรษฐกิจชุมชน โดยแต่ละย่านต้องมีอัตลักษณ์ของตนเองที่มีความแตกต่างเพื่อสร้างจุดแข็งของย่าน

ในเฟสแรกคือการนำร่องสร้างย่านสร้างสรรค์ 10 ย่าน ได้แก่

  • บางลำพู เขตพระนคร
  • นางเลิ้ง เขตป้อมปราบฯ
  • ตลาดเก่าหัวตะเข้ เขตลาดกระบัง
  • ตลาดพลู เขตธนบุรี
  • ตลาดน้ำตลิ่งชันและตลาดน้ำวัดสองคลอง เขตตลิ่งชัน
  • วัดดุสิตาราม เขตบางกอกน้อย
  • วังเดิม เขตบางกอกใหญ่
  • ริมคลองบางมด เขตทุ่งครุ
  • ริมคลองบางหลวง เขตภาษีเจริญ
  • ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์

ส่วนในเฟสที่ 2 ได้แก่

  • ตลาดเก่ามีนบุรี เขตมีนบุรี
  • วัดพระยาไกร (เจริญกรุง 103) เขตบางคอแหลม
  • ย่านคลองสาน เขตคลองสาน
  • ริมคลองพระโขนง เขตสวนหลวง
  • ริมคลองประเวศบุรีรมย์ เขตประเวศ
  • คลองลำไทร เขตหนองจอก
  • ย่านสาทร เขตสาทร
  • สามง่ามพัฒนา เขตจอมทอง
  • ย่านเจริญกรุง เขตบางรัก
  • ถนนสายไม้ เขตบางซื่อ

โดยแต่ละย่านมีการร่วมพัฒนาจากภาคีเครือข่ายที่มีความเชี่ยวชาญในย่านนั้น ๆ เพื่อสร้างอัตลักษณ์ของย่าน สร้างความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของย่าน โดย กทม.จะดูแลเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจย่าน รวมไปถึงภาพรวมการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยด้วย

เปิดรายการ 12 เทศกาลตลอดปี

นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ยังมีการพัฒนา 12 เทศกาลตลอดปี 2566 ประกอบด้วย

เดือนมกราคม เทศกาลดนตรีในสวน กุมภาพันธ์ เทศกาลงานออกแบบและงานคราฟท์ ซึ่งจะมี 9 ย่าน จาก 12 เขต มาร่วมกิจกรรม มีนาคม เทศกาลการอ่านและการเรียนรู้ เมษายน เทศกาลไทยไทย พฤษภาคม เทศกาลอาหาร มิถุนยน เทศกาล Pride Month

เดือนกรกฎาคม เทศกาลเด็กและเยาวชน สิงหาคม เทศกาลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กันยายน เทศกาล E-Sport ตุลาคม เทศกาลภาพยนตร์ กรุงเทพกลางแปลง พฤศจิกายน เทศกาลศิลปะสร้างสรรค์ และเดือนธันวาคม เทศกาลแสงสี

ซึ่งแต่ละเทศกาลจะมีการเดินหน้าเต็มที่ รวมถึงการพัฒนาทางด้านกีฬาตามงบประมาณที่ได้จัดสรรมา เช่น การเพิ่มศูนย์สร้างสุขทุกวัย เพิ่มลานกีฬา/ลานกีฬา Extreme เพิ่มศูนย์นวัตกรรมผู้สูงอายุ รวมถึงเพิ่มศักยภาพของอุปกรณ์กีฬาเพื่อให้ประชาชนได้มาออกกำลังกาย

ประสานทุกฝ่าย ดูแลนักท่องเที่ยวรอบด้าน

ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องการท่องเที่ยว เป็นเรื่องที่มีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้องกัน สวท. ก็จะเป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อดูแลและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพฯ

โดยเรามีซุ้มบริการนักท่องเที่ยว จำนวน 22 จุด กระจายอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยว ได้สั่งให้มีการปรับให้อยู่ในสภาพที่ดี พัฒนาให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยว พิจารณานำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปรับใช้ ให้มีคนอยู่ประจำจุด และในอนาคตอาจจะมีการปรับจุดติดตั้งเพื่อให้ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวได้ดีขึ้น

ด้านการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวนั้น เรามีเทศกิจออกตรวจในทุกพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เราเร่งจัดระเบียบพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวเยอะ เช่น สุขุมวิท สีลม โดยเน้นเรื่องแรกคือ ความปลอดภัยในกายภาพ ทางเท้าที่เดินได้ปลอดภัย และดูแลไฟแสงสว่าง ซึ่งก็จะช่วยให้ได้รับความปลอดภัยทั้งคนของเราคือประชาชนกรุงเทพฯ และนักท่องเที่ยว

เรื่องที่สองคือการหาความร่วมมือ เพราะบางเรื่องเราอาจจะไม่มีอำนาจ ก็ได้มีการประสานหน่วยงานอื่น อาทิ ตำรวจ กรมการขนส่งทางบก จัดการปัญหาที่จะทำให้นักท่องเที่ยวไม่มีความมั่นใจ อาทิ การจอดขายของบนถนน รถโดยสารสาธารณะ/แท็กซี่/สามล้อโก่งราคาเอาเปรียบนักท่องเที่ยว จุดจอดรถนักท่องเที่ยว โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการปรึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการร่วมกันอย่างจริงจัง

โดยปัญหาการเอาเปรียบนักท่องเที่ยวผ่านราคาเหมาหรือโก่งราคาเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญ เนื่องจากมีหลายสถานทูตได้ร้องเรียนมา

“จะเห็นได้ว่า กทม.มีทั้งงานอีเวนต์ ที่ทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ และงานด้านโครงสร้างพื้นฐาน คือทำโครงสร้างพื้นฐานให้เข้มแข็งขึ้น ซึ่งทั้งงานอีเวนต์และโครงสร้างพื้นฐานนั้น เป็นงานที่ต้องทำการพัฒนาคู่ขนานกันไป โดย สวท. จะเป็นหน่วยงานสำคัญในการสร้าง Soft Power ให้เข้มแข็งขึ้น รวมถึงสร้างเศรษฐกิจเมืองให้อยู่อย่างยั่งยืนได้” นายชัชชาติกล่าว

จัด ICCA ดึงศักยภาพ กทม. สู่เมืองหลวงอุตสาหกรรม MICE

นายชัชชาติกล่าวต่อว่า ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE : Meetings, Incentive Travel, Conventions, Exhibitions) หัวใจจริง ๆ นั้น เอกชนมีบทบาทเยอะ เพราะเป็นเจ้าของศูนย์ประชุม รวมถึงโรงแรมต่าง ๆ

ทางกรุงเทพมหานครก็ต้องมีการร่วมมือกับภาคเอกชนอย่างเข้มแข็ง เพราะว่าหน้าที่เราคือการพัฒนาบริบทโดยรอบให้ปลอดภัย มีการเดินทางที่สะดวก มีทางเดินเท้าที่ดี มีพื้นที่สีเขียว มีสวนสาธารณะ ส่วนภาคเอกชนก็จะจัดเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สถานที่ประชุม โรงแรม เมื่อเกิดการร่วมมือกันแล้วก็จะทำให้เมืองเราเหมาะกับไมซ์มากขึ้น เป็นเรื่องที่เราต้องหารือกับทางเอกชน ซึ่งอยู่ในคณะกรรมการร่วมภาครัฐและภาคเอกชนด้วย

หลาย ๆ อย่างที่เราทำอยู่ตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเรื่องความปลอดภัย แสงสว่าง ทำพื้นที่สีเขียว ทำสวนสาธารณะ การเดินทาง ถนน หรือแม้กระทั่งการพัฒนาสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น ล้วนเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ ให้คนอยากจะมาเที่ยวหรือมาประชุมในกรุงเทพฯ มากขึ้น นอกจากนี้ เราได้พยายามจะปรับระเบียบเรื่องขั้นตอนในการก่อสร้าง ในการขออนุญาตต่าง ๆ ให้สะดวกและความโปร่งใสยิ่งขึ้น

ด้านนายศานนท์กล่าวเสริมว่า กรุงเทพมหานครจะได้เป็นเจ้าภาพจัดประชุม ICCA Congress ในปี 2567 ซึ่งเป็นเหมือนการประชุมของผู้จัดประชุมทั่วโลก คาดว่าจะทำให้มีผู้คนที่อยู่ในแวดวงการจัดประชุมรู้จักกรุงเทพฯมากขึ้น และเกิดการจัดงานในกรุงเทพฯมากขึ้นต่อไป