การระบาดของโควิด-19 ขึ้นสู่ระลอก 4 ซึ่ง ศบค.คาดการณ์ว่าต้นสัปดาห์หน้า ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่จะเพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นรายต่อวัน มีแนวโน้มสูงว่ารัฐบาลจะประกาศล็อกดาวน์อีกครั้ง
“ประชาชาติธุรกิจ” ทบทวนมาตรการล็อกดาวน์ผ่านการประกาศแต่ละฉบับในรอบ 18 เดือน ว่ามีการปิดกิจการประเภทใดบ้าง ?
- ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด นราธร-อุรัชนา ศรีชาพันธุ์ ถูกฟ้องล้มละลาย
- เปิดเกณฑ์แจกเงินผู้สูงอายุ 3,000 บาท เช็กขั้นตอนรับเงิน
- บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้สูงอายุรับ 900 บาท เริ่มโอนแล้ว เช็กรายละเอียด
การระบาดระลอก 1
วันที่ 2 เมษายน 2563
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 22.00 – 04.00 น. มีผลบังคับใช้ (3 เม.ย. 63) เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19
ในวันเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 2) หรือประกาสเคอร์ฟิว ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถาน ลงนามโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้มีการออกประกาศผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจไปแล้ว
เพื่อให้มีมาตรการต่าง ๆ เพิ่มขึ้นตามความจำเป็นเพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติลงได้โดยเร็ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 น. ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจำเป็นหรือเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ การธนาคาร การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตการเกษตร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ หนังสือพิมพ์ การขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง การขนส่งพัสดุภัณฑ์ การขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้าหรือส่งออก การขนย้ายประชาชนไปสู่ที่เอกเทศเพื่อกักกันตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
การเข้าออกเวรทำงานผลัดกลางคืน ตามปกติ หรือการเดินทางมาจากหรือไปยังท่าอากาศยาน โดยมีเอกสารรับรองความจำเป็นหรือเอกสารเกี่ยวกับสินค้าหรือการเดินทาง และมีมาตรการป้องกันโรคตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 1) หรือเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งต่าง ๆ ของทางราชการ หรือมีเหตุจำเป็นอื่น ๆ โดยได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ผู้ใดฝ่าฝืนข้อนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
ข้อ 2 ในกรณีที่มีการประกาศหรือสั่ง ห้าม เตือนหรือแนะนำในลักษณะเดียวกับข้อ 1 วรรคหนึ่ง สำหรับจังหวัด พื้นที่หรือสถานที่ใดโดยกำหนดเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาที่เข้มงวดหรือเคร่งครัด กว่าข้อกำหนดนี้ ให้ปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งนั้นต่อไปด้วย
ข้อ 3 ในกรณีที่ไม่อาจเคลื่อนย้ายบุคคลใดซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเพื่อออกไป นอกราชอาณาจักรได้ ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร จัดที่เอกเทศเพื่อควบคุมหรือกักกันบุคคลดังกล่าวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคตามเงื่อนไขและ ระยะเวลาที่กำหนด
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
- ด่วน! ศบค. ประกาศล็อกดาวน์ จำกัดการเดินทาง 14 วัน มีผลทันที
- “ประยุทธ์” ประกาศไม่รับเงินเดือนนายกรัฐมนตรี 3 เดือน เอาไปช่วยประชาชน
- ยอดผู้ป่วยโควิดพุ่งทุบสถิติ 9,276 ราย ตายเพิ่ม 72 คน วันนี้ (9 ก.ค.)
- รพ.บำรุงราษฎร์ เปิดจองวัคซีนโมเดอร์นา วันนี้! เช็กขั้นตอนดำเนินการ
วันที่ 9 เมษายน 2563
กรุงเทพมหานคร ประกาศสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว ประกอบด้วย ร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม ร้านอาหารหรือเครื่องดื่มที่อยู่ในคูหา รถเข็นและแผงลอยจาหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ให้เปิดได้ตั้งแต่เวลา 04.01 น. ถึงเวลา 22.00 รวมถึงให้ปิดร้านค้าหรือสถานประกอบการขายสุรา
วันที่ 12 เมษายน 2563
ศูนย์อานวยการบริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) ได้รับรายงานว่า ผู้ว่าราชการจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ ในฐานะผู้กากับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัด ได้พิจารณาออกคาสั่งปิดร้านค้าและสถานประกอบการจาหน่ายสุราเป็นการชั่วคราว
การระบาดระลอก 2
วันที่ 1 มกราคม 2564
พลตํารวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครลงนามประกาศ สั่งปิด 25 สถานที่ เป็นการชั่วคราว ประกอบด้วย
- สถานบริการ ผับ บาร์ สถานบันเทิงและสถานประกอบการที่คล้ายสถานบริการ
- สวนน้า สวนสนุก
- สนามเด็กเล่น เครื่องเล่นสาหรับเด็กในตลาด ตลาดน้า และตลาดนัด
- โต๊ะสนุกเกอร์ บิลเลียด
- สถานที่เล่นตู้เกม
- ร้านเกม และร้านอินเทอร์เน็ต
- สนามชนไก่ และสนามซ้อมชนไก่
- สถานรับเลี้ยงเด็กหรือสถานดูแลผู้สูงอายุ
- สนามมวย
- โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ (ยิม)
- สนามม้า
- สถานประกอบกิจการอาบน้า
- สถานประกอบกิจการอาบอบนวด
- สนามแข่งขันทุกประเภท
- สถานที่ให้บริการห้องจัดเลี้ยง สถานที่จัดเลี้ยงทานองเดียวกัน
- สนามชนโค สนามกัดปลา
- สนามพระเครื่อง ศูนย์พระเครื่อง
- ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เด็กก่อนวัยเรียน
- สถานเสริมความงาม สถานที่สักหรือเจาะผิวหนังหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย
- สถานที่ออกกาลังกายฟิตเนส
- สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ สปา และสถานประกอบการนวดแผนไทย นวดฝ่าเท้า
- สนามฝึกซ้อมมวย โรงยิม หรือค่ายมวย
- สถานที่เล่นโบว์ลิ่ง สเก็ต หรือโรลเลอร์เบลด
- สถาบันลีลาศ หรือสอนลีลาศ
- อาคารสถานที่ของโรงเรียน สถาบันกวดวิชา และสถาบันการศึกษาทุกประเภท ห้ามใช้เพื่อจัดการเรียนการสอน การสอนการฝึกอบรม หรือการทากิจกรรมใด ๆ ที่มีผู้เข้าร่วมเป็นจานวนมาก
เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ยกเว้น การปิดอาคารสถานที่ของโรงเรียน สถาบันกวดวิชา และสถาบันการศึกษาทุกประเภท ให้มีผลถึงวันที่ 17 มกราคม 2564
วันที่ 4 มกราคม 2564
กรุงเทพมหานคร (กทม.) ออกประกาศสั่งปิดสถานที่เพิ่ม ดังนี้
1. ขยายเวลาปิดอาคารสถานที่ของโรงเรียน สถาบันกวดวิชา และสถานศึกษาทุกประเภท ตามประกาศ กทม. จะใช้ได้ในกิจกรรมให้ความช่วยเหลือสงเคราะห์ อุปถัมภ์ หรืออุปการะแก่บุคคล และกิจกรรมของราชการเพื่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งต้องได้รับอนุญาตจาก กทม. แล้วเท่านั้น
2.ร้านอาหาร หรือเครื่องดื่ม ร้านสะดวกซื้อ รถเข็น หาบเร่แผงลอย ภัตตาคาร ศูนน์อาหาร โรงอาหาร (เว้นร้านอาหารในสนามบิน)ให้บริการรับประทานที่ร้านได้ระหว่างเวลา 06.00-21.00 น. หลังเวลา 21.00 น.รับเฉพาะสั่งกลับบ้าน (Take Away) เท่านั้น
3.สถานที่ให้บริการรักษาสัตว์ สปา อาบน้า ตัดขน รับเลี้ยง/ฝากสัตว์เลี้ยง ช่างตัดขนต้องสวมใส่หน้ากาก Face Shield ถุงมือ และเสื้อคลุมแขนยาวทุกครั้งที่ทางาน และควบคุมผู้ใช้บริการไม่ให้แออัด
4.การประชุม สัมมนา ที่มีผู้ร่วมงานเกิน 200 คน หรือการจัดกิจการขนาดใหญ่ ที่ทาให้เกิดการชุมนุม 300 คน ต้องยื่นแผนจัดงานและมาตรการควบคุมโรคติดต่อด้วย รวมถึงสถานที่จัดงานเลี้ยง
การระบาดระลอก 3
วันที่ 16 เมษายน 2564
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ในฐานะโฆษก ศบค. ได้แถลงสรุปหลังการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ระบุว่า ไม่มีการประกาศเคอร์ฟิวและล็อกดาว แต่ได้เพิ่ม 9 (ร่าง) ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 20) ยกระดับควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ดังนี้
- ห้ามจัดกิจกรรมหรือที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค
- ปิดสถานบริการ หรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรคทั่วราชอาณาจักร
- กาหนดพื้นที่สถานการณ์ เพื่อการบังคับใช้มาตรการควบคุมแบบบูรณาการ จาแนกตามเขตพื้นที่
- พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) : รวม 18 จังหวัด
- พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) : รวม 59 จังหวัด
- กาหนดมาตรการควบคุมพื้นที่ที่จาเป็นอย่างเร่งด่วน
พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง)
- ก. การจาหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ให้การบริโภคอาหารและเครื่องดื่มในร้าน ได้ไม่เกินเวลา 21.00 น.
- ข. ห้ามการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน
- ค. ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน ให้เปิดดาเนินการได้ตามเวลาปกติของสถานที่นั้นๆ จนถึงเวลา 21.00 น.
- ง. ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เกต ตลาดนัดกลางคืน ตลาดโต้รุ่ง ถนนคนเดิน เปิดได้ไม่เกินเวลา 23.00 น.
- จ. สนามกีฬาหรือสถานที่เพื่อการออกกาลังกาย เปิดได้ไม่เกิน เวลา 21.00 น.
พื้นที่ควบคุม (สีส้ม)
- ก. การจาหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ในร้านได้ ไม่เกินเวลา 23.00 น.
- ข. การจาหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- ค. ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน
- งดหรือหลีกเลี่ยงการเดินทาง
- งดจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ งานเลี้ยง งานรื่นเริง
- ขอความร่วมมือ Work From Home
- ให้ ศปค.สธ. และ ศบค.มท. เร่งจัดหาสถานที่รองรับผู้ติดเชื้อโดยด่วน
- ปรับเปลี่ยนระดับพื้นที่สถานการณ์ตามความเหมาะสม
ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2564 เป็นต้นไป
วันที่ 27 มิถุนายน 2564
เว็บไซต์ราชกิจจจานุเบกษา เผยแพร่ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 25) ซึ่งลงนาม โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีสาระสาคัญคือมาตรการกึ่งล็อกดาวน์กรุงเทพมหานคร-ปริมณฑล นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และจังหวัดสมุทรสาคร รวมถึงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา) ดังนี้
- ปิดแคมป์ก่อสร้าง 30 วัน เพื่อเข้าควบคุมและชะลอการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
- การจาหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มในร้านอาหารทั้งหมด ให้เปิดดาเนินการเฉพาะการนากลับไปบริโภคที่อื่นเท่านั้น
- ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าคอมมิวนิตี้มอลล์ ให้เปิดดาเนินการได้ถึงเวลา 21.00 น. โดยให้งดการให้บริการเพิ่มเติมในพื้นที่โรงมหรสพ โรงภาพยนตร์ สวนน้า พื้นที่นั่งรับประทานในศูนย์อาหาร และเพิ่มระยะห่างระหว่างบุคคลในพื้นที่พักคอย เพิ่มประสิทธิภาพของระบบหมุนเวียนอากาศ
- โรงแรม ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุมหรือสถานที่จัดนิทรรศการ ให้เปิดดาเนินการได้ตามเวลาปกติ โดยให้งดกิจกรรมจัดการประชุม การสัมมนา และการจัดเลี้ยง
- ห้ามการจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจานวนรวมกันมากกว่ายี่สิบคน เว้นแต่กรณีได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
มีผลตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป