อนุทินข้ามชอตโรคประจำถิ่น ลุ้นฟื้นโควิด-ไทยฮับเศรษฐกิจ

อนุทิน ชาญวีรกูล

อนุทิน รมว.สาธารณสุข เปิดใจ 3 ปีคุมโควิด ยอมรับฉากทัศน์สงกรานต์คนติดเชื้อหลักแสน สั่งบุคลากรการแพทย์รับมือทุกจุดทั่วประเทศ เผยไม่มีเดิมพันต้องจ่ายเปิดประเทศรับต่างชาติ-นักท่องเที่ยว แจงเส้นทางสู่โรคประจำถิ่นป้องกันไม่ป่วยไม่ตายเพิ่ม หวังระบบสาธารณสุขไทยเป็นจุดขาย ดึงนักลงทุนต่างชาติขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เชื่อหลังยุคโควิด ไทยจะเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม คมนาคม เชื่อมจีน-อินเดีย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข สัมภาษณ์พิเศษ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงฉากทัศน์การติดเชื้อโควิด-19 และการเตรียมการของบุคลากรการแพทย์ ระบบการรักษา เส้นทางไปสู่โรคประจำถิ่น และการเดิมพันเศรษฐกิจครั้งใหญ่

ฉากทัศน์หลังสงกรานต์

รมว.กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ประเมินสถานการณ์แล้วคิดว่า แม้มีผู้คนที่ติดเชื้อแต่ละวันจำนวนมาก แต่ความรุนแรงของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนไม่รุนแรงเหมือนที่ประสบมาในช่วงต้น ๆ ดังนั้น เรามองว่าในเมื่อมีการฉีดวัคซีนให้ประชาชนเป็นจำนวนมากแล้ว และประชาชนมีความเข้าใจโควิด-19 ได้ในระดับหนึ่ง คงไม่มีประเด็นใดที่ห้ามไปเยี่ยมบ้านหรือเดินทาง

ฉากทัศน์ของ สธ.เป็นไปได้สูงว่า หลังจากสงกรานต์อาจมีการติดเชื้อรายวันเพิ่มมากขึ้น แต่เรายังมั่นใจว่าด้วยผลของวัคซีนที่ฉีด ผู้ที่ได้รับวัคซีนจะไม่มีอาการรุนแรงหรือไม่มีการเสียชีวิต ทุกวันนี้การเสียชีวิต หรือผู้ที่มีอาการรุนแรงที่ใส่เครื่องช่วยหายใจ มากกว่าร้อยละ 90 เป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงอยู่แล้ว เช่น กลุ่ม 608 และไม่ยอมรับวัคซีนตามที่ สธ.แนะนำ

ทั้งนี้ มากกว่า 80% ของผู้ป่วยติดเชื้อไม่ต้องเข้าโรงพยาบาล รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ก็จะหายได้ไม่เกิน 10 วัน เรามั่นใจว่าเราน่าจะควบคุมสถานการณ์ได้

เตรียมพร้อม คุมติดเชื้อหลักแสน

ส่วนฉากทัศน์ที่ สธ.ประเมินว่า หลัง 19 เมษายน 2565 ตัวเลขผู้ติดเชื้ออาจถึงหลักแสนคนต่อวันนั้น นายอนุทินกล่าวว่า ฉากทัศน์ก็คือฉากทัศน์ เราต้องนำไปประเมินว่ามีคนกลับภูมิลำเนาเท่าไหร่ ผู้คนเหล่านั้นคาดว่าจะได้รับวัคซีนเท่าไหร่ มีผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนเท่าไหร่ มีผู้สูงอายุเท่าไหร่

อย่างน้อยจะมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น เพราะมีการสัญจรของผู้คนมากขึ้น สิ่งที่เราได้ทำความเข้าใจคือ สั่งการให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทุกโรงพยาบาล เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์

มองในทางที่ดีคือ ต้องไม่ให้มีการเจ็บป่วยหนักเพิ่มมากขึ้น ต้องควบคุมอัตราการเสียชีวิตในแต่ละวันให้ได้ เราอยากให้เขากลับบ้านอย่างมีความสุข ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ สมมติติดเชื้อขึ้นมาโดยที่รับวัคซีนแล้วก็ไม่น่ามีปัญหา แต่ถ้าติดเชื้อมาแล้วมีอาการ เราต้องมีความพร้อมในด้านสถานพยาบาล เตรียมความพร้อมระบบการสนับสนุนของเขตสุขภาพต้องพร้อม

อยากให้ประชาชนให้ความร่วมมือ อย่าถอดหน้ากาก อย่าไปในที่ที่มีคนพลุกพล่าน อย่าใช้ภาชนะ หรือการรับประทานอาหาร หรือดื่มร่วมกัน ถ้าเราทำได้และมีวัคซีนป้องกันอยู่แล้ว รวมถึงผู้ติดเชื้อมาแล้วกว่า 3 ล้านคน ที่มีภูมิป้องกัน ก็น่าจะทำให้สถานการณ์อยู่ในวงที่ควบคุมได้

เปิดประเทศไม่มีเดิมพันต้องจ่าย

นายอนุทินกล่าวว่า ไม่อยากใช้คำว่าเดิมพันเศรษฐกิจ ในการกลับมาเปิดประเทศเต็มรูปแบบในวันที่ 1 มิถุนายน 2565 เพราะการเดิมพันมีความเสี่ยงที่จะสูญเสีย เราต้องมั่นใจว่าเศรษฐกิจพื้นฐานของประเทศไทยดีอยู่ ส่วนที่ถูกกระทบมากที่สุดคือ ธุรกิจท่องเที่ยว บริการ ร้านอาหาร ผับ บาร์ เราต้องพยายามที่จะทำให้สถานการณ์ควบคุมได้ และทำให้เขามีช่องทางในการเสริมสร้างรายได้ให้มากที่สุด

“เมื่อใดก็ตามที่ สธ.เห็นว่ามีโอกาสทำให้เกิดความคล่องตัวกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ เราไม่รอช้าแม้แต่ชั่วโมงเดียว เราตระหนักถึงความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ ดังนั้นคงไม่ใช่คำว่าเดิมพัน เราต้องมั่นใจว่าตรงนี้เปิดได้ แล้วเราก็หาส่วนสนับสนุน ป้องกัน ถ้ามีปัญหาเราก็จะควบคุมสถานการณ์ได้”

เส้นทางสู่โรคประจำถิ่น Endemic

นายอนุทินกล่าวว่า เราต้องไม่คิดแต่เรื่องที่เราสูญเสียไปกับสถานการณ์การระบาดโควิด ความสูญเสียเกิดมา 2 ปีกว่าแล้ว ช่วงนี้แนวโน้มของโลก ความรุนแรงของเชื้อโควิดก็เป็นไปตามหลักทฤษฎีว่า เมื่อคนติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น การติดเชื้อลดความรุนแรงลง สุดท้ายก็เดินไปสู่การบริหารสถานการณ์การเป็นโรคประจำถิ่น หรือ endemic

ดังนั้น เราต้องปรับสภาพการบริหารสถานการณ์เพื่อให้เกิดความคล่องตัวต่อผู้ประกอบการและประชาชนให้มากที่สุด ยืนยันได้ว่าถ้าได้ความร่วมมือในระดับที่เป็นอยู่ บุคลากรทางการแพทย์ สถานพยาบาลพร้อม เวชภัณฑ์ ยารักษาโรค เครื่องมือแพทย์ก็มีความพร้อม หลายองค์ประกอบที่บริหารจัดการล่วงหน้ามาแล้ว ก็น่าจะทำให้ทุกอย่างดำเนินไปได้

“เราคาดหวังว่าหลังสงกรานต์ ถ้าสถานการณ์ได้รับการควบคุมได้ เราเน้นเลย อย่าป่วยหนัก อย่าตายเพิ่ม ทุกอย่างในระบบป้องกันการรักษามีพร้อม เราก็คงจะต้องเดินเข้าเส้นทางสู่ความเป็นโรคประจำถิ่น ว่ากันไปแล้ว เราก็เดินทางสู่โรคประจำถิ่นไปแล้ว ไม่ต้องรอหลังสงกรานต์” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทินกล่าวว่า อาจไม่ต้องพูดคำว่า endemic เพราะเป็นคำวิชาการ เราทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ประชาชนเกิดความสะดวกสบายสูงสุด และมีความปลอดภัย หากเขาเจ็บป่วย เรามีความพร้อม มีหมอ เวชภัณฑ์เพียงพอ และประสบการณ์สูงขึ้นในการดูแลรักษา ทุกวันนี้เราก็เดินเข้าสู่สภาวการณ์เหมือน endemic โดยไม่รู้ตัว

นายอนุทินกล่าวว่า ถ้าเกิดวิกฤตเพิ่มสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ก็จะกลับไปใช้สูตรเดิมในการควบคุม แต่โอกาสที่จะเกิดวิกฤตจนรองรับไม่ได้ ใช่ว่าจะเกิดขึ้นง่าย เพราะด้วยธรรมชาติ ในขณะที่โควิด-19 สายพันธุ์รุนแรงอย่างเดลต้า ก็มีผู้ที่มีอาการรุนแรง 20% ของผู้ติดเชื้อ แต่อีก 75% มีอาการปกติ หรือปานกลาง นี่คือช่วงพีกของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนไม่รุนแรงเท่าเดลต้า วิกฤตที่บอกว่าเตียงไม่พอก็ไม่น่าจะเกิด

หวังไทยฟื้นเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ

นายอนุทินกล่าวว่า หลังฟื้นจากโควิด-19 จะทำให้ไทยกลับมาเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม คมนาคมขนส่งในภูมิภาค เพราะเรามีระบบการสาธารณสุขที่เข้มแข็ง หลังจากนี้ไปมั่นใจว่าประเทศไทยของเราจะกลับมา ไม่มีประเทศไหนดีกว่าประเทศไทยในทุก ๆ มิติ

ส่วนที่ทำให้มั่นใจว่า เมื่อเราฟื้นกลับมาจะแข็งแกร่งมากกว่าเพื่อนบ้านในแง่เศรษฐกิจนั้น นายอนุทินระบุว่าด้วยภูมิศาสตร์ไทยอยู่ตรงกลาง สองคาบสมุทร ทะเลอันดามัน ทะเลจีนใต้ เชื่อมต่อมหาสมุทรอินเดีย ตะวันตกจะมาพบตะวันออกไม่ผ่านไทยไม่ได้ นี่คือความแข็งแกร่งของเรา เหนือจะไปลงใต้ จีนจะค้าขายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องผ่านไทย

ถ้าพูดถึงประเทศที่มีศักยภาพในการซื้อ การผลิต การส่งออก ต้องผ่านไทยทั้งหมด ไทยมีระบบสาธารณูปโภคที่สมบูรณ์ ทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าต่าง ๆ มีความคุ้มค่า เรามีองคาพยพที่พร้อม มีระบบ 5G ระบบคมนาคมขนส่งเพียบพร้อม สนามบินมีความทันสมัย เป็น hub ในภูมิภาค นี่คือความแข็งแกร่งกับประเทศไทย

ประสบการณ์ใหม่การเมือง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือว่าเป็น รมว.สาธารณสุขในรอบหลายทศวรรษที่เจอโรคระบาดร้ายแรงระดับโลก มีประสบการณ์อะไรใหม่ ๆ ในชีวิตนักการเมืองบ้าง นายอนุทินตอบว่า “ผมบริหารสถานการณ์โควิด-19 โดยไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะไม่สามารถแยกได้ว่าผมจะให้วัคซีนเฉพาะพรรครัฐบาล แต่ไม่ให้วัคซีนโควิดกับคนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ในฐานะที่เป็น รมว.สาธารณสุขของประเทศไทย คำว่าการเมืองไม่มี เมื่อการเมืองไม่มี ก็พูดตรง ๆ กัน มันก็ง่าย ไม่มีความไขว้เขว”

“ผมถือว่าผมโชคดีที่สถานการณ์เช่นนี้ ทุกคนเอาการเมืองวางไว้ข้างตัว มีคนกลุ่มน้อยมากที่จะเอาเรื่องโควิด-19 มาเป็นการเมือง แต่ในที่สุดเวลาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า คนที่เอาโควิด-19 มาเป็นการเมือง เขาไม่สามารถพิสูจน์สิ่งที่เขาได้พยายามทำให้เป็นข้อมูลสู่ประชาชน เป็นผลงานที่น่าเชื่อถือได้” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทินกล่าวว่า “ทำทุกวิถีทาง ขอให้ประชาชนปลอดภัย ขอให้มียาที่ดีที่สุด วัคซีนที่ดีที่สุด มีวัคซีนทั้งไวรัลเวกเตอร์ วัคซีนเชื้อตาย วัคซีน mRNA เมื่อมียาขนานใหม่เข้ามา ประเทศไทยก็มีทั้งยาฉีด ยากิน ยาต้านไวรัส สิ่งเหล่านี้ถือว่าถ้ามองเป็นโชคร้าย ก็เท่ากับปล่อยให้โอกาสดี ๆ เหล่านี้สูญเสียไป”

“ผมได้รับความสนับสนุนที่ดีจากนายกรัฐมนตรี ต้องยอมรับว่าท่านนายกฯยอมเอาตัวเองขึ้นมาเสี่ยง ตั้ง ศบค.ที่คนทุกคนเยาะเย้ยถากถางว่า ท่านนายกฯยึดอำนาจสาธารณสุขไป นั่นคือคนที่พูดแต่ใช้การเมือง และคนที่จะสร้างความปั่นป่วน สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน สำหรับผม กับท่านนายกฯ ผมมองว่านี่คือการร่วมมือกัน ผมต้องขอบคุณท่านนายกฯ ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาในสายงาน ที่ท่านได้กรุณาลงมาป้องกันกระทรวงสาธารณสุข ไม่ให้หมอต้องไปรับหน้าที่ ชี้แจง รับแรงกดดัน จากคนที่ไม่ประสงค์ดี”

นายอนุทินกล่าวว่า “แม้ว่าจะดูโชคร้ายที่มีโรคระบาดเกิดขึ้น แต่ในฐานะที่เราเป็น รมว.สาธารณสุข ก็เป็นโอกาสที่ดีที่ทำให้เราใกล้ชิด เห็นระบบของสาธารณสุขไทยว่ามีความมั่นคง แข็งแกร่ง ผมไม่ได้อยู่กระทรวงสาธารณสุขตลอดชีวิต วันไหนถ้าผมเป็นฝ่ายค้าน ผมก็ไม่มีวันด่าหมอ ด้อยค่าระบบสาธารณสุขของไทย”

“ถ้าผมมีโอกาสไปอยู่กระทรวงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ การลงทุน ผมก็สามารถพูดได้เต็มปากเวลาไปโรดโชว์ต่างประเทศ ไปเชื้อเชิญ ชี้ชวนให้คนมาลงทุน เกิดความเชื่อมั่นในประเทศไทย ผมก็มั่นใจว่า ณ วันนั้น น้ำหนัก คำพูด สิ่งที่ผมจะ sale ประเทศไทยให้กับคนต่างชาติมาลงทุนในบ้านเรา เขาก็ต้องให้ความเชื่อถือ เกิดความมั่นใจ”