รายงาน : เกษตร น้อยทิพย์
จับตาคลัสเตอร์โควิดหลังสงกรานต์ หลังประชาชนเดินทางท่องเที่ยว-กลับต่างจังหวัด “ศบค.-สธ.” ลุ้นระทึกจากฉากทัศน์ที่คาดการณ์ก่อนหน้า คาดผู้ติดเชื้อใหม่ไต่ระดับสูงสุดแตะแสนราย ป่วยหนัก 6,000 ราย และเสียชีวิตมากสุด 250 ราย ขณะที่สปสช.เปิดสายด่วน-แจงทุกช่องทางรับมือ
วันที่ 13 เมษายน 2565 นับจากวันนี้ ตลอดทั้งสัปดาห์ หรืออาจต่อเนื่องไปจนถึงสัปดาห์หน้า จะเป็นช่วงวันหยุดยาวที่เข้าสู่ “เทศกาลสงกรานต์” อย่างเต็มตัว มีการประเมินกันว่าจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา และท่องเที่ยวนับล้านคน
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส ไทย และหลายชาติ ออกแถลงการณ์ร่วม เรียกร้องปล่อยตัวประกันในกาซา
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
เนื่องจากเป็นปีแรกที่รัฐบาลปลอดล็อกให้จัดเทศกาลสงกรานต์ได้ แต่จะต้องมีการจัดการ จัดทำมาตรการป้องกันตามที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)กำหนด โดยเฉพาะการปฏิบัติตามมาตรการครอบจักรวาล Universal Prevention ซึ่งจะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ลงได้
แต่นั่นเป็นเพียงหลักการ มาตรการ ข้อแนะนำ หรือข้อควรปฏิบัติที่สธ.คาดหวัง แต่ “หลักกู” หลังมีการดื่มเฉลิมฉลองเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ย้อนดู 3 ฉากทัศน์สาธารณสุข
กระนั้นก็ตามบรรดาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งบุคคลในแวดวงสาธารณสุขก็อดที่จะออกมาเตือนไม่ได้
เพราะขนาดไม่ได้มีเทศกาลที่จะมีการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก ตัวเลขผู้ป่วยใหม่รายวันรวมกับผลตรวจ ATK ก็ยังอยูในระดับ 4-5 หมื่นรายต่อวัน ตัวเลขผู้ป่วยหนักก็เกิน 2,000 ราย/วัน แล้วรวมถึงผู้เสียชีวิตก็ทะลุเกินร้อยราย/วัน ติดต่อกันมา 3 วันติดแล้ว
ก่อนหน้านี้กระทรวงสาธารณสุขออกมาคาดการณ์จากการทำฉากทัศน์ตัวเลขผู้ป่วยใหม่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า หากประชาชนย่อหย่อนต่อมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ เช่น มาตรการ Universal Prevention ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่อาจจะเพิ่มขึ้นไปถึง 1 แสนราย/วัน ตัวเลขผู้ป่วยหนักจะอยู่ที่ 6,000 รายต่อวัน ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตจะพุ่งขึ้นไปสุงสุดประมาณ 250 คน/วัน ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม
สธ.เตรียมบุคลากร ยา เตียง รองรับ
นั่นหมายความว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นหลังช่วงเทศกาลสงกรานต์ จาการมีผู้ป่วยรายใหม่หรือผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนส่วนใหญ่มีการเดินทาง ทำกิจกรรมรวมกลุ่มร่วมกันมากๆ ทั้งจัดงานสงกรานต์ รับประทานอาหารร่วมกัน ตั้งวงดื่มสังสรรค์ ฯลฯ
กระนั้นก็ตามกระทรวงสาธารณสุขและศบค.ก็ยังประเมินในเชิงบวกว่าได้มีเตรียมการรับมือไว้แล้ว ทั้งเรื่องบุคลากร เรื่องเตียง เรื่องยา การณรงค์ระดมฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นก่อนช่วงสงกรานต์ และคาดว่าตัวเลขจริงน่าจะคุมอยู่ได้ประมาณ 50,000 ราย
ซึ่งก็ยากที่จะควบคุมประชาชนเรือนล้านคนที่จะปฎิบัติตามมาตรการอย่างรัดกุมได้ เพราะจะมีปัจจัยอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นเรื่องของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น
ก่อนหน้านี้นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ก็ออกมายอมรับกลายๆว่า จากการประเมินสถานการณ์การระบาดโควิดก่อนสงกรานต์ จากฉากทัศน์ที่สธ.มีการนำเสนอในช่วงที่ผ่านมา พบว่าสถานการณ์ขณะนี้น่าเป็นห่วง
อย่างเส้นกราฟผู้ป่วยปอดอักเสบและใส่ท่อช่วยหายใจ กำลังขยับเพิ่มขึ้น จากฉากทัศน์ทั้ง 3 ฉากทัศน์ มีโอกาสขึ้นเป็นฉากทัศน์สูงสุดได้
ทั้งนี้จึงต้องเข้มมาตรการทั้งหมด รวมทั้งการฉีดวัคซีนจะช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ และจะทำให้อัตราการเพิ่มของผู้ป่วยปอดอักเสบและใส่ท่อช่วยหายใจไม่มากเกินศักยภาพของระบบรักษาพยาบาล ซึ่งคาดว่าจุดสูงสุดการระบาดที่ทำให้ผู้ป่วยอาการรุนแรงน่าจะอยู่ในช่วงต้นเดือน พ.ค. และฉากทัศน์เส้นล่างสุดที่เป็นเส้นสีเขียวจะไม่เป็นจริงแล้ว ถ้าดูจากอัตราการติดเชื้อเพิ่มของไทย มีโอกาสจะเป็นเส้นสีเหลือง และสีแดง
โดยหากสีเหลืองจะมีผู้ติดเชื้อสูงสุดประมาณ 5 หมื่นกว่ารายต่อวันในช่วงประมาณวันที่ 19 เมษายน แต่หากเราไม่สามารถคงมาตรการเข้มงวด ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย การป้องกันตัวเองแบบเข้มงวด และหากไม่ลดพฤติกรรมเสี่ยง ก็อาจมีโอกาสพบติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 5 หมื่นรายต่อวัน หรือเพิ่มอีก 2 เท่า
จับตาป่วยใหม่ทะลุแสนราย สธ.ยกสถิติเทียบเคียง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2565 ในการประชุมของศบค.ชุดใหญ่ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ให้สัมภาษณ์ว่า จากจำนวนผู้ป่วยที่ยังมีจำนวนมากวันละ 5-6 หมื่นราย ซึ่งยังมีที่ยังไม่ได้ตรวจอีกประมาณ 2-3 เท่า
ทำให้มีการคาดการณ์ว่าอาจจะมีการติดเชื้อวันละกว่าแสนราย ที่กลัวคือจะกระจายในช่วงสงกรานต์ เพราะจะมีการรวมตัวของคนจำนวนมาก
นายแพทย์อุดมกล่าวต่อว่า สงกรานต์ครั้งนี้ เราไม่ได้ห้ามที่จะเดินทางไปไหน แต่ขอให้ใส่หน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่าง หากเว้นไม่ได้ต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา เทศกาลสงกรานต์นี้กลับบ้านได้ แต่ต้องจริงจังกับการรักษามาตรการ
ที่สำคัญตอนนี้ต้องฉีดวัคซีน เพราะสามารถป้องกันได้จริง ๆ และเหตุที่ต้องฉีดเข็มกระตุ้น เพราะไวรัสมีการกลายพันธุ์ ซึ่งขณะนี้ไทยเพิ่งฉีดเข็ม 3 ประมาณ 35% ถือว่าต่ำมาก ขณะที่กลุ่ม 608 ฉีดเข็มกระตุ้นได้ไม่ถึง 40% ด้วยซ้ำ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2565 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย ออกมายอมรับอีกครั้งว่า จากการประเมินจากข้อมูลช่วงสงกรานต์ปี 2563 และ 2564 แล้วมีความเป็นได้สูงที่หลังสงกรานต์ปี 2565 นี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 จะพุ่งสูงถึงระดับ 5 หมื่น – 1 แสนราย/วัน
อธิบดีกรมอนามัยอธิบายว่า การคาดการณ์นี้เป็นผลจากการเทียบข้อมูลสถิติผู้ติดเชื้อหลังสงกรานต์ของปี 2563 และ ปี 2564 โดยจากข้อมูลสถิติช่วงสงกรานต์ปี 2563 นั้น มีการใช้มาตรการเข้มงวดมากเป็นพิเศษทั้งเลื่อนและยกเลิกกิจกรรมต่างๆ รวมถึงงดเดินทางช่วงสงกรานต์ ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อช่วงหลังสงกรานต์ 18 เมษายน – 1 พฤษภาคม ลดลง 15.2% เมื่อเทียบกับวันที่ 13-17 เมษายน
แต่ในปี 2564 ซึ่งมีการผ่อนคลายมาตรการให้สามารถเดินทาง และมีการรวมกลุ่มได้ แม้จะฉีดวัคซีนไปเพียง 7 แสนโดส ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อช่วงหลังสงกรานต์พุ่งสูงขึ้นแบบก้าวกระโดดจากระดับ 900-1500 คน/วัน ไปเป็นมากกว่า 2,000 คน/วัน
ดังนั้นในปี 2565 นี้ ซึ่งมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ทั้งด้านบุคคล กิจกรรม สถานที่และระยะเวลาเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทำให้มีความเสี่ยงสูงขึ้น และแม้จะมีการตรวจ ATK อย่างแพร่หลาย แต่เสี่ยงเกิดผลลบลวงได้
จึงคาดว่าหลังสงกรานต์ปีนี้จำนวนผู้ติดเชื้อน่าจะสูงถึง 5 หมื่น – 1 แสนคน/วัน
อย่างไรก็ตามทุกฝ่ายจะพยายามคุมจำนวนผู้เสียชีวิตให้ไม่เกิน 200-250 คน/วัน และคุมจำนวนผู้ป่วยอาการหนักให้อยู่ในระดับที่ระบบสาธารณสุขสามารถรองรับได้ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของการปรับให้โควิด-19 เปลี่ยนจากโรคติดต่ออันตราย เป็น โรคติดต่อเฝ้าระวัง
ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชน ดำเนินมาตรการป้องกันการติดเชื้ออย่างเคร่งครัดด้วยเช่นกัน
อีกทั้ง หากพิจารณาสถานการณ์โควิด-19 ขณะนี้ คาดว่ายังคงมีการระบาดต่อเนื่อง และจะอยู่ในระดับสูงคงตัวช่วงเทศกาล เนื่องจากมีการเคลื่อนของผู้คนจำนวนมาก มีกิจกรรมทั้งในครอบครัวและนอกบ้าน และมีกิจกรรมเสี่ยง จะพบผู้ติดเชื้อทั้งรายบุคคลและเป็นกลุ่มก้อนจากผลพวงสงกรานต์
“ต้องฝากเน้นย้ำการฉีดวัคซีนให้ครบตามเกณฑ์ที่กำหนด หลีกเลี่ยงไปสถานที่เสี่ยงหรือทำกิจกรรมเสี่ยง และตรวจ ATK เมื่อสงสัย โดยเฉพาะกลุ่มที่น่าเป็นห่วงสุดคือ ผู้สูงอายุที่มีลูกหลานกลับไปเยี่ยม และกลุ่มที่มีโรคเรื้อรัง ขอให้รับวัคซีนให้ครบตามเกณฑ์” นพ.สุวรรณชัย กล่าว
แพทย์ศิริราชชี้ “4 เสี่ยง” เดินทางมาเจอกัน
การคาดการณ์นี้สอดคล้องกับความเห็นของ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ออกมาเตือนก่อนหน้านี้ว่า หลังเทศกาลสงกรานต์ คาดว่าจะเห็นตัวเลขติดเชื้ออยู่ที่ 50,000 – 100,000 ราย/วัน
โดยขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกฝ่ายที่จะช่วยกันป้องกัน ให้ตัวเลขอยู่ในระดับใด แต่ที่สำคัญคือต้องดูแลเรื่องการเสียชีวิต ไม่ควรให้เกินวันละ 200 ราย เพื่อให้ระบบบริการสุขภาพตั้งรับได้
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเองมักจะเตือนเรื่อง “4 เสี่ยง” ที่เจอพร้อมกันเมื่อไรจะต้องระวังให้มาก คือ บุคคล กิจกรรม สถานที่ และช่วงเวลาเสี่ยง ซึ่งจะมาพร้อมกันในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้
ขณะที่นายนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่มีการประเมินตัวเลขผู้ติดเชื้อจะพุ่งสูงหลังเทศกาลสงกรานต์ว่า จะต้องเตรียมพร้อมอะไรหรือไม่ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า เราต้องควบคุมสิ่งที่ควรจะควบคุม เช่น การไม่ให้เจ็บป่วยหนักและเสียชีวิต การติดเชื้อ ถ้ามีการป้องกันหรือยารักษาโรค มีสถานพยาบาลรองรับ ก็ถือว่าเป็นโรคๆหนี่ง
“เราต้องกล้าที่จะก้าวข้ามตรงนี้ไป ถ้าจะไปดูว่าติดเชื้อเท่าไหร่ สงกรานต์กลับบ้านแบบนี้ ติดเพิ่มขึ้นแน่นอน แต่ว่ากระทรวงสาธารณสุขก็เชื่อว่า 120 กว่าล้านเข็มที่ฉีดไปแล้วจะช่วยป้องกันความรุนแรงของโรค เพราะฉะนั้นมีการติดเชื้อต้องควบคุมสถานการณ์ให้ได้ เพราะว่าคนส่วนใหญ่จะติดเชื้อไม่แสดงอาการใดๆ บางคนทานยาฟ้าทะลายโจร หรือยาลดน้ำมูก เขาก็หายได้ในระยะเวลาที่รวดเร็ว”นายอนุทินกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ศบค.และกระทรวงสาธารณสุขมีการคาดการณ์ (ฉากทัศน์) ว่า ตัวเลขผู้ป่วยใหม่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์อาจจะเพิ่มขึ้นไปถึง 1 แสนราย หากประชาชนย่อหย่อนต่อมาตรการที่รัฐบาลกำหนดไว้ และจำนวนผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นสูงสุด 250 คน/วัน ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม หรือช่วงหลังสงกรานต์ที่ประชาชนเดินทางกลับจากภูมิลำเนาและท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์
นอกจากนี้จากการแถลงสถานการณ์รายวันของศบค.พบว่า ประเทศไทยติดอันดับท็อป 10 ของโลกไปแล้วในเรื่องของผู้ติดเชื้อรายใหม่ บางวันไต่ขึ้นไปอยู่อันดับ 9 ของโลกด้วยซ้ำ นอกจากนี้ทิศทางผู้ติดเชื้อรายใหม่ ป่วยหนักและเสียชีวิต มีแต่จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ซึ่งยากที่จะควบคุมประชาชนเรือนล้านคนที่จะปฎิบัติตามมาตรการอย่างรัดกุมได้ เพราะมี” 4 เสี่ยง” บุคคล กิจกรรม สถานที่ และช่วงเวลาเสี่ยง เดินทางมาเจอกันพอดิบพอดี
ยังไม่นับรวมอุบัติเหตุจากการเดินทางในช่วง 7 วันอันตราย ว่าจะหนักหนาสาหัสแค่ไหน
นี่อาจเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่กับระบบสาธารณสุขของไทยที่จะรับมือกับวิกฤตการระบาดระลอกใหม่สำหรับ “คลัสเตอร์โควิดสงกรานต์ 2565” นี้
สปสช.เปิดสายด่วนรับมือผู้ป่วยโควิด
ทางด้านนนายแพทย์อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. เปิดเผยว่า สปสช. ได้ปรับปรุงระบบสายด่วน เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ covid ในช่วงระหว่างและหลังสงกรานต์ โดยแนะนำว่า
ประชาชนที่ตรวจ ATKแล้วขึ้น 2 ขีด ได้ผลบวกว่าติดเชื้อโควิด-19 แนะนำดังนี้
1. เพื่อความรวดเร็ว ให้ติดต่อพื้นที่ ถ้าอยู่ กทม.ให้โทรสายด่วนประจำแต่ละเขต (https://bit.ly/3FBOgvw) และเฟซบุ๊กกรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์ (https://bit.ly/3x4yGYD) รวมถึงเพิ่มเพื่อนทาง Line @BKKCOVID19CONNECT หรือคลิก https://bit.ly/3Iuw7Si ได้เช่นกัน หรือ 1669 กด 2
ถ้าอยู่ต่างจังหวัด โทร.สายด่วนประจำจังหวัดหรืออำเภอ
2. หากติดขัดประการใด ให้โทรสายด่วน สปสช. 1330 โดย สปสช.จัดเตรียมระบบสายด่วน สปสช. 1330 รองรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดที่อาจจะเพิ่มขึ้นหลังสงกรานต์ ดังนี้
- เปิด “สายด่วน 1330 กด 18” ดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงทุกสิทธิการรักษาโดยเฉพาะ ทั้งกลุ่ม 608, เด็ก 0-5 ปี, คนพิการ และผู้ป่วยติดเตียง สปสช.จะลงทะเบียนเข้าสู่ระบบการรักษาที่บ้าน (Home Isolation) ให้ก่อน พร้อมประสานหาเตียงเพื่อเข้ารักษาในโรงพยาบาล
- สายด่วน 1330 กด 14 สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทุกสิทธิการรักษาที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงนั้น เจ้าหน้าที่จะให้คำแนะนำการรักษาตามอาการ กรณีเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว รักษาตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้านหรือเจอ แจก จบ หรือจะเข้าระบบการรักษาที่บ้าน (Home Isolation) ซึ่ง สปสช. จะลงทะเบียนให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลุ่มนี้ หรือเลือกเข้าระบบการรักษาอื่นๆ
กรณี โทร.สายด่วนไม่ติดเนื่องจากอาจมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก ให้ลงทะเบียนด้วยตนเองที่เว็บไซต์ สปสช. https://crmsup.nhso.go.th/#TicketHI หรือทางไลน์ สปสช. @nhso https://lin.ee/zzn3pU6 ได้เช่นกัน