
คอลัมน์ : ขึ้นแท่นปักที ผู้เขียน : พิศณุ นิลกลัด FB:@Pitsanuofficial
การแข่งกอล์ฟทั้งแบบอาชีพและสมัครเล่น ส่วนใหญ่เราแข่งแบบสโตรกเพลย์
แต่เวลาเราเล่นแบบสู้กันเองแข่งกันเองเป็นประจำทุกวันทุกวีก เราเล่นแบบแมตช์เพลย์
ผมชอบกติกาแมตช์เพลย์ เป็นการแข่งขันที่ให้โอกาสนักกอล์ฟทุกคนพลิกสถานการณ์จากตกเป็นรองให้กลับมาตีเสมอหรือชนะการแข่งขันได้ตลอดเวลาหรือเกือบตลอดเวลาที่เล่นกัน 18 หลุม
ในขณะที่กติกาสโตรกเพลย์ เล่นผิดพลาดแค่หลุมสองหลุมก็หมดโอกาสชนะแล้ว
อย่างล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมไปเล่นกอล์ฟการกุศลที่สนามราชพฤกษ์ ทุกคนเริ่มเล่นพร้อมกันทุกหลุม เรียกชอตกันสตาร์ต
ทีมผมออกสตาร์ตที่หลุม 12 พาร์ 5
เล่นไปได้แค่ 2 หลุมผมก็หมดโอกาสชนะ
เพราะหลุม 13 พาร์ 3 ผมทำ 9 !!!
เกินพาร์ 3 แต้ม เรียกทริปเปิ้ล โบกี้
เกิน 4 แต้ม เรียกควอดรูเพิ่ล โบกี้ (quadruple bogey)
เกินพาร์ไป 6 แต้ม เรียกอะไร ไม่ทราบจริง ๆ
เพราะในชีวิตไม่เคยตีเกิน 6 ทีในหลุมเดียว ไม่ว่าจะเป็นหลุมพาร์ 3 พาร์ 4 หรือพาร์ 5 ต้องเปิดโทรศัพท์มือถือหาในกูเกิลเดี๋ยวนั้น
จึงทราบว่าพาร์ 3 ทำ 9 เกินพาร์ไป 6 ทีเขาเรียกเซ็กทูเพิ่ล โบกี้ (sextuple bogey)
เกิน 7 ทีเรียก septuple bogey
เกิน 8 ทีเรียก octuple bogey
เป็นการได้ความรู้ดี ๆ จากการตีห่วย ๆ !!!
การทำโอเวอร์พาร์ 6 แต้มในหลุมเดียวเป็นสกอร์แย่ที่สุดในชีวิตของผมเกิดขึ้นในสนามกอล์ฟที่ผมเคยเป็นแชมป์ประจำปีมาแล้ว 2 ครั้งในปี 1999 และ 2001
ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ?
หลัก ๆ 2 อย่างครับ
อย่างแรก เพราะความชรา
คลับเฮด สปีดจาก 98 เหลือ 75
หัวไม้ 1 เคยตีได้ 240 หลาสมัยที่ยังไม่มีไม้หน้าเด้ง เดี๋ยวนี้โดนเต็ม ๆ ได้แค่ 170 หลา
แล้ววันแข่งขัน หลุม 13 พาร์ 3 เป็นหลุมที่ไม่มีแฟร์เวย์
เลยแท่นทีออฟ หมุดแดงไปคือน้ำ แล้วก็กรีน หน้ากรีนเป็นหลุมทรายลึกมาก หลุมนี้ไม่มีแฟร์เวย์
ปกติหลุมนี้จะตีจากระยะ 135-155 หลา แต่วันนี้เขาให้ผู้ชายทุกคนตีจากแท่นทีออฟระยะ 216 หลา ซึ่งเป็นแท่นไกลสุด
ผมต้องตีชอตแรกหลุมพาร์ 3 หลุมนี้แบบตั้งใจตีวางตัวไว้ตรงดรอปแอเรีย
แต่ลูกกระดอนตกน้ำ
หลังจากนั้นต้องตีจากทรายอีกหลายที
ออนแล้วพัตต์อีก 3 ครั้ง ออก 9
เป็นสกอร์แย่สุดในชีวิต
และเนื่องจากวันนี้แข่งแบบสโตรกเพลย์ การทำหลุมเดียว 6 โอเวอร์พาร์ ทำให้หมดโอกาสชนะการแข่งขันตั้งแต่เพิ่งเล่นไปได้แค่ 2 หลุม
นี่คือเหตุผลที่ผมชอบกติกาแมตช์เพลย์มากกว่า
ยิ่งถ้าเป็นแมตช์เพลย์แบบ “2 อัพ ต่อ 1” ยิ่งสนุก ให้โอกาสคนที่เป็นรองมากขึ้น
“2 อัพ ต่อ 1” หมายถึง ใครนำ 2 อัพขึ้นไป หลุมต่อไปต้องต่อให้คู่แข่ง 1 สโตรก
ต้องต่อ 1 แต้มทุกหลุมจนกว่าจะเหลือนำแค่ 1 อัพ
และเพื่อให้การเล่นสนุกเข้มข้นตั้งแต่ต้นจนจบ จึงกำหนดให้มี ยด. ที่หลุมสุดท้าย
จะดาวน์มากี่แต้มกี่หลุมก็ตาม เมื่อมาถึงหลุมสุดท้าย มีสิทธิขอ ยด.
ถ้าทีมที่ดาวน์ชนะ ยด. ถือว่าเกมเสมอกัน หากเป็นการแข่งแบบยกทีมสู้กันแบบไรเดอร์ คัพ ทั้ง 2 ฝ่ายได้คนละครึ่งคะแนนให้ทีม
ถ้าทีมนำชนะ ยด. ก็เป็นการยืนยันว่าวันนี้ชนะจริง ๆ ไม่ใช่ฟลุก
กติกานี้ทำให้ทุกคนได้เล่นกันสนุกครบ 18 หลุมทุกก๊วนไม่ว่าจะเล่นเดี่ยวหรือคู่แบบโฟร์บอล
ผมเป็นสมาชิกชมรมกอล์ฟ CU15 วันนี้แต่ละคนอายุเฉลี่ย 69-71 ปี ส่วนใหญ่ไม่มีแฮนดิแคปที่แน่ชัด จึงใช้กติกา 2 อัพ ต่อ 1 ซึ่งได้ผลดีมาก คือสนุก ยุติธรรม (ตามสภาพ) และทำให้ทุกคนได้ต่อสู้กันสุดฝีมือจนถึงหลุมสุดท้ายทุกก๊วน