แอดไวซ์ สิงห์ไอทีภูธร โกยกำไร 56 ล้านบาท ประเดิมไตรมาสแรกหลังเข้าตลาดฯ

แอดไวซ์ advice

แอดไวซ์ โชว์ผลประกอบการ 1/2567 หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ ม.ค. 2567 รายได้รวม 3.5 พันล้านบาท  กำไรสุทธิ 56 ล้านบาท ลุ้นรายได้จากกลุ่มสมาร์ตโฟน-สินค้าแอปเปิล หลังเปิดสาขาสแตนอโลน 10 แห่ง ในไตรมาส 3-4 

วันที่ 11 พฤษภาคม 2567 นายณัฏฐ์ ณัฐนิธิการัชต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจาก แอดไวซ์ เข้าตลาดหลักทรัพย์ในเดือนมกราคม 2567 มีการปรับปรุงการบริหารหลายเรื่อง และขออนุมัตให้มีการเปิดสาขา Stand Alone สำหรับสินค้ากลุ่ม Apple ซึ่งบริษัทได้รับสิทธิมา 

“แอปเปิล มีความเชื่อมั่นในแอดไวซ์ เนื่องจากช่วงโควิด มีเพียงสาขาของแอดไวซ์ที่ยังเปิดทำการขายได้ และอยู่รอดในช่วงเวลาดังกล่าว จากการที่เราเป็นสิงห์ภูธร กระจายหน้าร้านเราไปทั่วประเทศ” 

โดยสินค้าโมบาย ในกลุ่มแอปเปิล จะต้องมีการเปิด iStudio ตามข้อตกลงของแอปเปิล และเราได้ขอบอร์ดเพื่อตั้ง 10 สาขา ตามหัวเมืองรอบนอก กทม. คาดว่า จะเปิดได้ 5 สาขาในไตรมาส 3 และครบ 10 สาขาในไตรมาส 4 นี้ จะส่งผลให้การรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น 

นอกจากนี้จะมุ่งเน้นการทำเซอร์วิสหลังการขาย แบบข้ามแบรนด์ เพราะเดิมที แอดไวซ์ มีความแข็งแกร่งด้านเซอร์วิส ซ่อมเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของวินโดวส์อยู่แล้ว เมื่อมีสินค้ามากขึ้นก็ต้อฝขยายบริการ แม้จะไม่มีรายได้จากส่วนนี้นัก แต่เราจะมี Know how และได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ใช้

“ลองนึกดูว่า ต่างจังหวัดไกล ๆ ที่เราไป จะเอาไอโฟนไปเข้า iCare ได้ที่ไหน” 

ADVERTISMENT

สำหรับผลประกอบการไตรมาสล่าสุด ไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ จำนวน 3,567.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 112.36 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.25 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2566 รายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากธุรกิจค้าปลีก มีรายได้เพิ่มขึ้น จำนวน 231.22 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.63 แบ่งออกเป็นรายได้จากการขายปลีกออนไลน์ เพิ่มขึ้นจำนวน 130.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.06 รายได้จากการขายปลีกผ่านสาขาเพิ่มขึ้นจำนวน 92.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.52 รายได้จากการขายปลีกลูกค้าองค์กร (Commercial) เพิ่มขึ้นจำนวน 7.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.42 และรายได้ค่าบริการเพิ่มขึ้นจำนวน 0.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.29

กำไรขั้นต้น ไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 56.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 9.29 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.69 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2566

ADVERTISMENT

ในส่วนของช่องทางที่มีรายได้ลดลง ได้แก่ ธุรกิจค้าส่ง มีรายได้ลดลงจำนวน 119.23 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9.53 ประกอบด้วยรายได้จากการขายส่งดีลเลอร์ลดลงจำนวน 96.02 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11.80 และรายได้จากขายส่งแฟรนไชส์ลดลงจำนวน 23.21 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.31 ในไตรมาส 1 ปี 2567 

ภาพรวมของรายได้ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากกลุ่มสินค้าสมาร์ทโฟน และกลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์ Apple โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบรนด์ Apple และ Samsung จากการที่บริษัทฯ เป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ Apple อย่างเป็นทางการตั้งแต่ปีก่อนที่ทยอยวางขายสินค้าในร้านสาขาซึ่งทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้น 

ณัฏฐ์ ณัฐนิธิการัชต์
ณัฏฐ์ ณัฐนิธิการัชต์

ในส่วนของแบรนด์ Samsung ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากการเข้ามาของเทคโนโลยี AI อีกทั้งบริษัทฯ ได้เข้าร่วมกับ Samsung จัดทำแคมเปญ Samsung Finance Plus โดยผู้บริโภคสามารถทำการซื้อสินค้าผ่านการผ่อนชำระกับ Samsung Finance Plus ได้โดยตรง ทำให้กระตุ้นยอดขายในส่วนของผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนได้มากขึ้น รวมถึงการเติบโตของยอดขายในรูปแบบการขายผ่านช่องทางออนไลน์ Marketplace เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากการที่บริษัทฯ เน้นคัดเลือกสินค้าในกลุ่มที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภค

รวมถึง Marketplace ได้มีการจัดทำโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้า เช่น ส่วนลดร้านค้า และส่วนลด Marketplace เพิ่มเติม ทำให้ยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ Marketplace เพิ่มขึ้น อีกทั้งบริษัทฯ ได้จัดกิจกรรม Advice IT Expo ที่หน้าเว็บออนไลน์ และสาขาทั่วประเทศ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสินค้าในราคางาน Commart โดยตลอดช่วงเดือนมีนาคม 2567 

บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรม Advice IT Expo ผ่านหน้าร้านสาขาเช่นเดียวกับช่องทางออนไลน์ เพื่อเพิ่มช่องทางขายสินค้าในราคาโปรโมชั่นและกระตุ้นให้ผู้บริโภคกลับมาซื้อสินค้าไอทีมากขึ้น และบริษัทฯ ได้ขยายสาขาเพิ่มเติมโดยการเปิดสาขาใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 2 สาขา และต่างจังหวัด 4 สาขา เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้เพิ่มขึ้น 

ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลโครงการ Easy E-Receipt ผู้บริโภคสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีกับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่สามารถออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (E-tax) ซึ่งกระตุ้นให้ยอดขายกลับมาเพิ่มขึ้น

ช่องทางที่มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ได้แก่ ช่องทางจากการขายปลีกออนไลน์ เพิ่มขึ้นจำนวน 130.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่องทางการขายออนไลน์ผ่าน Marketplace โดยเฉพาะการขายผ่าน Shopee และ Lazada รวมถึงช่องทาง Marketplace อื่น ๆ เป็นผลจากการที่บริษัทฯ เน้นการคัดเลือกสินค้าและเพิ่มสินค้ามากขึ้นและมีการจัดกิจกรรมร่วมกับ Marketplace ต่างๆ เช่น แคมเปญ Double Day เป็นต้น รวมถึงการจัดทำส่วนลดร้านค้า และส่วนลด Marketplace เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น อีกทั้งบริษัทฯ มีการเพิ่มช่องทางการจ่ายชำระค่าสินค้า การจ่ายชำระผ่าน True Money การจัดโปรโมชั่นบัตรเครดิต 

รวมถึงการติดตามการจัดส่งสินค้า ทำสินค้า Exclusive ร่วมกับ Brand เฉพาะช่องทาง การทำการตลาดในรูปแบบการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ และเพิ่มการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสินค้าไอทีมากยิ่งขึ้น และในช่วงเดือนมีนาคม 2567 บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรม Advice IT Expo ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ของบริษัทฯ เพื่อจำหน่ายสินค้าในราคาโปรโมชั่น เพื่อทดแทนในกิจกรรมงาน Commart ที่บริษัทฯ ไม่ได้เข้าร่วมงานในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567ยอดขายปลีกผ่านสาขา เพิ่มขึ้นจำนวน 92.75 ล้านบาท

เนื่องจากบริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงและพัฒนาหน้าร้าน เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทฯ ได้มีการเพิ่มสาขาให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าได้ทั่วถึง และในปีนี้บริษัทฯ มีแผนการเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้น เพื่อขยายช่องทางการขายปลีก เน้นเป็นห้างสรรพสินค้าตามหัวเมืองในแต่ละภาค และมีการปรับโฉมสาขาทั่วประเทศเป็นการ Renovate สาขาให้มีความทันสมัย การทำโปรโมชั่นบัตรเครดิตต่างๆ การเพิ่มช่องทางรับชำระ เช่น การรับชำระผ่าน True Money และการส่งเสริมการขายหลากหลายรูปแบบ ทั้งทางโทรทัศน์ วิทยุ และสื่อต่างๆ อีกทั้งในช่วงเดือนมีนาคม 2567 บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรม Advice IT Expo ผ่านหน้าร้านสาขาเช่นเดียวกันกับช่องทางออนไลน์ จึงทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น ยอดขายปลีกลูกค้า Commercial ที่มีการเติบโตขึ้น จำนวน 7.79 ล้านบาท

เนื่องจากบริษัทฯ จัดตั้งทีม Commercial Sale เพื่อดูแลกลุ่มลูกค้าองค์กรโดยเฉพาะ โดยเน้นไปที่สินค้าประเภท Computer Notebook และอุปกรณ์เครือข่าย และจะขยายประเภทสินค้าไปที่กลุ่ม Hardware และ Software เพื่อให้กลุ่มลูกค้าองค์กร เข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่ต้องการได้ทุกประเภท ช่องทางที่มีรายได้ลดลงอย่างมากคือ รายได้จากการขายส่งดีลเลอร์ ลดลงจำนวน 96.02 ล้านบาท และรายได้จากการขายส่งแฟรนไชส์ ลดลงจำนวน 23.21 ล้านบาท เนื่องจากกำลังการซื้อของลูกค้าลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ด้านกลุ่มสินค้ามียอดขายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้า Mobile ยอดขายเพิ่มขึ้นจำนวน 106.27 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 238.54 กลุ่มสินค้า IPhone/IPad ยอดขายเพิ่มขึ้น 73.33 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 146.28 กลุ่มสินค้า Notebook ยอดขายเพิ่มขึ้นจำนวน 20.30 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.48 และกลุ่มสินค้าอื่นๆ ยอดขายเพิ่มขึ้นจำนวน 38.29 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7.99 ซึ่งส่วนใหญ่ยอดขายที่เพิ่มขึ้นจัดอยู่ในส่วนของสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์เสริม เป็นผลมาจากการเพิ่มผลิตภัณฑ์ของ Apple และ Samsung เพื่อขยับ Position ของแบรนด์ ทำให้สินค้าในกลุ่มนี้ขายดี โดยบริษัทฯ ยังคงเน้นกลยุทธ์การขายสินค้าและอุปกรณ์เสริมพร้อมกับสินค้าหลัก

ส่วนกลุ่มสินค้าที่มียอดขายลดลง ได้แก่ กลุ่มสินค้า Desktop & AIO & Service ยอดขายลดลงจำนวน 55.68 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 14.33 กลุ่มสินค้า DIY ยอดขายลดลงจำนวน 48.76 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.00 กลุ่มสินค้าอื่นๆ ลดลงจำนวน 21.77 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5.09 ยอดขายของผลิตภัณฑ์หลักลดลงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสินค้ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่ขายในกลุ่มลูกค้า Commercial ซึ่งเป็นกลุ่มงานราชการเป็นหลัก โดยลูกค้ากลุ่มนี้ต้องรองบประมาณของทางราชการตามปีงบประมาณซึ่งออกล่าช้ากว่ากำหนด