อดีตประธานหอการค้าจังหวัด แนะรัฐขับเคลื่อนประเทศสู่อนาคต

ประชุมหอการค้า พ.ย.2566

หอการค้าไทยจัดประชุม อดีตประธานหอการค้าจังหวัด ในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 41 เปิดประสบการณ์ 90 ปี หอการค้าไทย หวังขับเคลื่อนและการพัฒนาคน สร้างความเข้มแข็งให้ประเทศในอนาคต

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 41 วันที่ 2 ช่วงบ่าย (18 พฤศจิกายน 2566) หอการค้าไทยได้จัดประชุมอดีตประธานหอการค้าจังหวัด เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ หวังการขับเคลื่อนและการพัฒนาหอการค้าไทย ผนึกกำลังสร้างความเข้มแข็ง โดยมี “สนั่น อังอุบลกุล” ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย รับฟังความคิดเห็นเพื่อนำมาพัฒนาหอการค้าและ YEC ซึ่งจะทำหน้าที่ขับเคลื่อนต่อยอดองค์กรในอนาคต

ทั้งนี้ อดีตประธานกรรมการหอการค้าไทยเริ่มตั้งแต่ “อาชว์ เตาลานนท์” บอกว่า รู้สึกยินดีที่ตอนนี้หอการค้าจังหวัด-หอการค้าไทย มีความสามัคคี ทำงานเป็นปึกแผ่น ต่อเนื่อง และสามารถนำปัญหาต่าง ๆ เสนอให้รัฐเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั่วประเทศได้มาจนถึงปัจจุบัน เช่นเดียวกับ “ประมนต์ สุธีวงศ์” และ “พงษ์ศักดิ์ อัสสกุล” กล่าวว่า ความเจริญรุ่งเรื่องของหอการค้าพัฒนาขึ้นตามคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาร่วมงาน ทำให้ตอนนี้พื้นที่ต่างจังหวัดความเจริญไม่น้อยไปกว่ากรุงเทพฯ

“อิสระ ว่อวกถศลกิจ” กล่าวว่า นับตั้งแต่ช่วงปี 2556 ที่ประเทศไทยมีความขัดแย้งสูงมาก หอการค้าไทยก็เป็นทีมรับฟังอย่างเป็นกลางและประชุมกันบ่อยมาก ต้ององพูดคุยกันเพื่อให้เกิดความลงตัว พัฒนาวิธีทำเงิน ทำวิจัย จนเกิดการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก นักธุรกิจเปลี่ยนความคิดและหันมาพึงพาตัวเองมากขึ้น จนบัดนี้สามารถทำงานร่วมต่อเนื่องกันมาได้ และจุดเปลี่ยนอีกหนึ่งอย่างคือ การรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย สร้างคนรุ่นใหม่ และใช้คนรุ่นเก่ามาผลักดัน เครือข่าย

ด้าน “กลินท์ สารสิน” ที่รับตำแหน่งในช่วงปี 2560-2563 กล่าวว่า โจทย์ของหอการค้าไทยคือการขับเคลื่อนในอนาคตอย่างไรหลังการปฏิวัติ ซึ่งหอการค้าสามารถทำให้รัฐบาลรู้จักมากขึ้น ในแง่ของการใช้ข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อทำธุรกิจแล้วการทำงานร่วมกัน ทำให้รัฐบาลรับฟัง ความเชื่อใจมากขึ้น จนหลายหน่วยงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของหอการค้า ประธานหอการค้าคนก่อนที่หมดวาระก็อยู่ช่วยประธานคนใหม่อย่างน้อย 2 ปี แต่ละจังหวัดก็มีประธานอาวุโสให้ทุกอย่างดำเนินต่อไปโดยไม่ขาดช่วง

นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอแนะจากอดีตประธานหอการค้าจังหวัดที่มาร่วมประชุมกัน ที่จะเป็นแนวทางขับเคลื่อนขอการค้าไทย เชื่อมถึงรัฐบาลเพื้อพัฒนาในด้านต่าง ๆ ดังนี้

“เพ็ญพักตร์ ศรีทอง” อดีตหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า อยากเสนอให้หอการค้าไทยเป็นองค์กรค์หลักร่วมบูรณาการกับทางภาครัฐ ขับเคลื่อนเรื่องการสร้างสมาร์ทซิตี้ เพื่อก้าวให้ทันการเปลี่ยนแปลงของคนยุคใหม่ และอยากให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จเพราะเป็นยุทธศาสตร์ชาติ

“วสันต์ เสถียรพันธ์” อดีตหอการค้าจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า หอการค้าไทยเป็นองค์กรที่มีส่วนร่วมของประชาชนมากที่สุด และเป็นแหล่งข้อมูลของหอการค้าอยากเสนอคือ 1.สร้างทีมงานประจำที่มีความสามารถเข้ามาทำงาน 2.สรรหาคนรุ่นใหม่กล้าคิดกล้าทำร่วมพัฒนาสังคม ใช้ระบบความสามารถมากกว่าระบบอาวุโส และ 3. ฝาก YEC ให้ขึ้นมาบริหารงานของหอการค้าร่วมกับคนรุ่นเก่า

“สงคราม กิจเลิศไพโรจน์” อดีตหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า สภาหอการค้าสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ แต่ต้องพัฒนาความรู้ เพิ่มขีดความสามารถอย่างเป็นระบบ และมีความหลากหลายตามในแต่ละจังหวัด ซึ่งสามารถประสานการทำงานร่วมกับรัฐบาลได้

“ชิต สง่ากุลพงศ์” อดีตหอการค้าจังหวัดสงขลา กล่าวว่า อยากให้หอการค้าพิจารณารางวัลสำเภอทองให้กับนายกองค์กรบริหารส่วนจังหวัด และอยากให้หอการค้าทุกจังหวัดมีรายได้สำหรับใช้ในการถ่ายโอนข้อมูลจากภาครัฐซึ่งยังมีความยุ่งยากอยู่

“อนุศิษฏ์ ภูวเศรษฐ” อดีตหอการค้าจังหวัดลำปาง กล่าวว่า ทุกจังหวัดทำยุทธศาสตร์ระหว่างภาครัฐและเอกชนอยู่แล้ว ควรร่วมกันระบุหลักการและเหตุผลทำโครงการต่าง ๆ เอาไว้เพื่อนำเสนอกับรัฐได้ทันที โดยอยากให้ กรอ.จังหวัด ช่วยผลักดันโครงการอย่างทันท่วงที

“ประภาศรี สุฉันทบุตร” อดีตหอการค้าจังหวัดยโสธร กล่าวว่า ส่วนใหญ่รัฐมักบอกว่าจะช่ววพัฒนาเมืองรอง แต่เมืองเล็กกว่าเมืองรองก็มีและอยากให้รัฐช่วยเหลือบ้าง เพราะประธานหอในจังหวัดเล็ก ๆ จะตัวเล็กมาก และอยากให้มีสมาคมแม่บ้านหอการค้าเพื่อเข้ามาช่วยงานอีกทาว เพราะเชื่อว่าพลังผู้หญิงเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ รวมถึงเรื่องการกระจานอำนาจไปสู่ท้องถิ่น และทำอย่างไรให้หอการค้าถึงจะเป็นตัวนำในการพัฒนาเศรษฐกิจจริง ๆ

“อีดิธ นามประกาย” อดีตหอการค้าจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า อยากเสนอให้หอการค้าไทยประสานงานกับกระทรวงมหาดไทย เรื่องการแต่งตั้งโยกย้านผู้ว่าราชการจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดชายแดน ควรได้ผู้ว่าที่มีทักษะ สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ทำงานร่วมกับหอการค้าได้ เพราะปัญหาในปัจจุบันคือ ระบบการโยกย้ายและต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดมีอายุแค่ 2 ปีแล้วก็ย้ายไป ทำงานได้ไม่ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความเห็นในทิศทางเดียวกันกับ “สิทธิศักดิ์ ยนต์ตระกูล” อดีตหอการค้าจังหวัดกาฬสินธุ์

ถัดมาคือ “นิพรธ์ สุวรรณาวา” อดีตหอการค้าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ทุกวันนี้โครงสร้างหอการค้าไทยเปลี่ยนไปเล็กน้อย ฉะนั้นต้องจับมือกับสภาอุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นด้วย อย่าเน้นเพียงการแข่งขันกัน เพราะหากร่วมมือกันจะทำให้ต่อรองกับภาครัฐได้มากขึ้น

“อารีน์ ภู่สมบูรณ์” อดีตหอการค้าจังหวัดประทุมธานี กล่าวว่า 90 ปีที่ผ่านมาขอหอการค้าไทย สร้างผลงานให้ประเทศไว้มาก ช่วยพัฒนาหอการค้าจังหวัดต่าง ๆ ได้ดี แต่ยังมีบางส่วนที่ยังไม่เข้มแข็งพอ เพราะศักยภาพแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน และอยากให้พัฒนาต่อไป

“อรชัย ปุณณะนิธิ” อดีตหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ขอนำเสนอในประเด็นเดียวคือความร่วมมือหอไทยกับจังหวัด เพราะ SMEs ในเขตเมืองตอนนี้เริ่มซบเซา อยากให้หอการค้าไทยเข้าไปปลุกอาชีพต่าง ๆ โดยรวบรวมคนในแต่ละจังหวัดมาทำงานร่วมกัน ที่ต่างมีศักยภาพไม่เหมือนกัน ถ้าร่วมแรงกันในอนาคตจะช่วยได้

“ชวพันธ์ ชวเจริญพันธ์” อดีตหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า อยากเสนอเสริมสร้างศักยภาพของสมาชิกหอการค้าไทย สร้างคุณค่าให้เกิดความศรัทธา YEC อาจจะไม่พอ ต้องผลักดันให้มีหน่วยงานสร้างหลักสูตรให้คนมี DNA ในทำการค้าด้วย

“สมควร นกหงษ์” อดีตหอการค้าจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า อยากฝากหอการค้าไทสเน้นเรื่องเศรษฐกิจ เพราะ SMEs แย่ลง เงินฝืด เงินตึง ลำบากมาก อยากให้รัฐบาลช่วยผลักดัน รวมถึงเรื่องพลังงานด้วย

“ดิเรก ศุภสิวรรธน์” อดีตหอการค้าจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า มีเรื่องประเด็นการแต่งตั้งประธานหอการค้าจังหวัด อย่าทำให้เกิดการแข่งขัน แตกแยก ควรมีระเบียบน้ำไปปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกัน

“ชวน ภูเก้าล้วน” อดีตหอการค้าจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า การพัฒนาประเทศจะต้องพัฒนาคนก่อน ควาก่อตั้งสภาการศึกษาให้ครบทุกจังหวัด สร้างความเข้มแข็ง อาทิ เรื่องการเกษตร ส่งเสริมเกษตร เป็นต้น