สาวน้อย เจนอัลฟ่า ขุมทรัพย์ใหม่ธุรกิจความงาม

เครื่องสำอาง
ภาพจาก : unsplash
คอลัมน์ : Market Move

ช่วงช็อปปิ้งโค้งท้ายปี 2566 นี้ ธุรกิจความงามในสหรัฐ เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่มาร่วมลุ้นรับอานิสงส์จากหนึ่งในเทศกาลจับจ่ายซื้อของขวัญครั้งใหญ่ของปี หลังเกิดกระแสฮิตดูแลสุขภาพผิวในกลุ่มสาวน้อยเจนอัลฟ่าหรือผู้ที่เกิดตั้งแต่ปี 2553 ขึ้นมาแบบล้นหลาม จนเป็นไปได้สูงว่าเหล่าพ่อแม่จะทุ่มทุนซื้อสินค้าความงามเป็นของขวัญให้ลูก ๆ แทนตุ๊กตา

สำนักข่าว “ซีเอ็นบีซี” รายงานว่า การดูแลผิวพรรณกำลังเป็นกระแสมาแรงในหมู่ผู้บริโภคเพศหญิงเจนอัลฟ่าหรือกลุ่มที่อายุตั้งแต่ 13 ปีลงไปของสหรัฐอเมริกา และกลายเป็นโอกาสสำคัญของอุตสาหกรรมความงามในช่วงโค้งท้ายของปีนี้

โดยแบรนด์ความงามที่มีฐานลูกค้าเป็นวัยรุ่นและเน้นทำตลาดผ่านติ๊กต๊อก เช่น บับเบิล (Bubble) และ อี.แอล.เอฟ. บิวตี้ (e.l.f. Beauty) ต่างคาดว่า ยอดขายในช่วงปลายปีนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากการที่พ่อแม่ซื้อสินค้าความงามเป็นของขวัญให้ลูก ๆ ของตน

“ไช ไอเซนแมน” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบับเบิล กล่าวว่า ความคาดหวังนี้มาจากการได้เห็นโพสต์รายการของขวัญที่อยากได้ในช่วงคริสต์มาสของเหล่าเด็ก ๆ เจนอัลฟ่าในสหรัฐ ที่มีการแท็กชื่อแบรนด์ในโพสต์บ่อยครั้งกว่าที่ผ่าน ๆ มาอย่างชัดเจน

เป็นไปในทิศทางเดียวกับความเห็นของ “ทาราง อามิน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ อี.แอล.เอฟ. บิวตี้ ที่ระบุว่า ความสนใจในเรื่องการดูแลผิวของผู้บริโภครุ่นใหม่นี้ เป็นปัจจัยหนึ่งที่บริษัทใช้ตัดสินใจลงทุนในเซ็กเมนต์นี้ รวมถึงการเข้าซื้อกิจการเนทูเรียม (Naturium) บริษัทผู้ผลิตสินค้าดูแลผิวเข้ามาในเครือด้วย

ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดคาดว่า ปรากฏการณ์นี้เป็นผลจากการที่เด็กเจนอัลฟ่าเติบโตมาพร้อมกับโซเชียลมีเดียอย่างติ๊กต๊อกและยูทูบซึ่งเต็มไปด้วยคอนเทนต์ด้านความงามและอินฟลูเอนเซอร์วัยรุ่นหน้าตาดี ทำให้เด็ก ๆ หันมาสนใจดูแลผิวพรรณของตนเอง หวังจะสวยหล่อเหมือนติ๊กต๊อกเกอร์หรือยูทูบเบอร์คนดังที่ตนชื่นชม จนหลายคนเชี่ยวชาญเรื่องเซรั่ม โทนเนอร์ มอยส์เจอไรเซอร์ มากกว่าผู้ปกครองของตนเองเสียอีก

อีกปัจจัยอาจมาจากจังหวะที่โควิด-19 ระบาดและล็อกดาวน์ ทำให้คนรุ่นมิลเลนเนียลและเจนซีซึ่งอายุไล่เลี่ยกับเจนอัลฟ่าหันมาดูแลผิวพรรณระหว่างอยู่บ้านช่วงล็อกดาวน์แทน

สะท้อนจากข้อมูลของบริษัทวิจัยเซอร์คานาที่ระบุว่า ช่วงปี 2562-2565 ยอดการจับจ่ายกับสินค้าดูแลผิวระดับบนเพิ่มจาก 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และ ณ เดือนกันยายนปี 2566 การใช้จ่ายกับสินค้ากลุ่มนี้เติบโตขึ้นอีก 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเช่นกัน

ด้านการจับจ่ายผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับแมสมีการเติบโตในแนวทางเดียวกัน โดยช่วงปี 2562-2565 ยอดขายโตจาก 7.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 9.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนในเดือนกันยายนปีนี้การจับจ่ายเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

สำหรับการจับจ่ายกับสินค้าดูแลผิวของเจนอัลฟ่านั้น อาจยังไม่มีการเก็บข้อมูลชัดเจน แต่บริษัทวิจัยไพเพอร์ แซนด์เลอร์ มีผลวิจัยที่เก็บข้อมูลจากผู้บริโภคอายุเฉลี่ย 15.7 ปี ซึ่งพบว่าปี 2566 นี้กลุ่มตัวอย่างใช้จ่ายกับสินค้าดูแลผิวเพิ่มขึ้น 19% เป็นเฉลี่ย 122 ดอลลาร์สหรัฐ และตัวเลขนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยหลายปี 16%

นอกจากนี้แม้เจนอัลฟ่าจะยังไม่ใช่วัยทำงานที่มีรายได้ของตัวเอง แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า คนรุ่นนี้จะเป็นผู้บริโภคกลุ่มสำคัญในอนาคต “มาร์ก แมกครินเดิล” นักประชากรศาสตร์และนักวิจัยด้านสังคม กล่าวว่า เจนอัลฟ่ามีโอกาสจะเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีจำนวนมากที่สุดในอนาคตโดยเพียงปี 2567 ที่จะถึงคนรุ่นนี้จะมีจำนวน 2.5 พันล้านคนแล้ว

รวมถึงจะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงที่สุดในประวัติศาสตร์อีกด้วย เห็นได้จากในปี 2567 ซึ่งผู้บริโภคเจนอัลฟ่าที่อายุมากที่สุดจะอายุเพียง 14 ปี แต่คาดว่ามีการใช้จ่ายทางอ้อมแล้ว 5.39 พันล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม กระแสฮิตดูแลผิวพรรณในกลุ่มผู้บริโภคเจนอัลฟ่านี้ ยังมีความท้าทายในเรื่องผลข้างเคียงของการที่เด็ก ๆ ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ใช้ โดย “ดร.เอมี่ เวชสเลอร์” แพทย์ผิวหนังและจิตแพทย์ เตือนว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสำหรับผู้ใหญ่นั้นอาจแรงเกินไปสำหรับผิวของเด็ก และอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น เกิดผื่น ทำให้ผิวแห้ง เกิดการระคายเคือง รวมถึงอาการบวมได้