Tesla ต้องเรียกคืนรถกว่า 1.1 ล้านคันในจีน พบปัญหาระบบควบคุมความเร็ว 

Tesla เทสลา เรียกคืนรถ
AFP/ JOHANNES EISELE

เทสลา (Tesla) ต้องเรียกคืนรถยนต์กว่า 1.1 ล้านคันในจีน เนื่องจากหน่วยงานกำกับดูแลกฎระเบียบตลาดของจีนออกแถลงการณ์ว่า พบปัญหาเกี่ยวกับระบบควบคุมความเร็วของรถ 

วันที่ 12 พฤษภาคม 2566 สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า เทสลา (Tesla Inc.) บริษัทรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของโลกจะต้องซ่อมรถเกือบทุกคันที่ขายในประเทศจีนก่อนหน้านี้ เนื่องจากพบปัญหาเกี่ยวกับระบบควบคุมความเร็วของรถ 

ตามแถลงการณ์ของสำนักงานบริหารจัดการกฎระเบียบตลาดแห่งรัฐ (State Administration for Market Regulation) ประเทศจีน ระบุว่า รถยนต์ไฟฟ้าราว 1.1 ล้านคันที่เทสลาผลิตที่โรงงานในเซี่ยงไฮ้ หรือนำเข้าจากต่างประเทศไปขายประเทศจีนในระหว่างเดือนมกราคม พ.ศ. 2562 ถึงเดือนเมษายนปีนี้ พบปัญหาเกี่ยวกับระบบควบคุมความเร็วของรถ ซึ่งจำเป็นจะต้องได้รับการอัพเดตซอฟต์แวร์เพื่อแก้ไขปัญหาด้วยวิธีแบบ over-the-air (OTA-การอัพเดตซอฟต์แวร์ผ่านอินเทอร์เน็ตไร้สาย) 

หน่วยงานกำกับดูแลของจีนกล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ เมื่อคนขับถอนเท้าออกจากคันเร่งเพื่อชะลอความเร็วของรถ แล้วพบปัญหาอัตราการชะลอความเร็วค่อนข้างไม่แน่นอน ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุรถชนและเกิดอันตราย และเนื่องจากข้อบกพร่องนี้ผู้ขับขี่อาจเหยียบคันเร่งโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยคิดว่าตัวเองกำลังเหยียบเบรกอยู่ 

ตามประกาศของหน่วยงานกำกับดูแลของจีน เทสลาจะต้องส่งการแจ้งเตือนทางอิเล็กทรอนิกส์ไปยังผู้ขับขี่ เมื่อผู้ขับขี่เหยียบคันเร่งเป็นเวลานานเกินไป 

จากข้อมูลของศูนย์เทคโนโลยีและวิจัยยานยนต์แห่งประเทศจีน (China Automotive Technology and Research Center) และ Bloomberg Intelligence พบว่า ตั้งแต่ปี 2557 ถึงเดือนมีนาคมปีนี้ เทสลาขายรถยนต์ได้ประมาณ 1,129,055 คัน 

ทั้งนี้ Bloomberg รายงานว่า ได้สอบถามไปยังเทสลาแล้ว แต่ตัวแทนของเทสลายังไม่ได้ตอบกลับคำขอความคิดเห็นในทันที

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซีอีโอบริษัทเทสลาเคยคัดค้านการใช้คำว่า “recall” (เรียกคืน) เพื่ออธิบายข้อบกพร่องด้านความปลอดภัย หรือปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการอัพเดตซอฟต์แวร์ที่ส่งผ่านอินเทอร์เน็ตไร้สาย (OTA)

มัสก์เขียนในทวิตเตอร์ของเขาว่า การใช้คำว่า “recall” สำหรับการอัพเดตซอฟต์แวร์แบบ over-the-air นั้นคลาดเคลื่อนไม่ทันยุคสมัยและผิดโดยสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม สื่อต่างประเทศพาดหัวข่าวโดยใช้คำว่า “recall” สำหรับกรณีล่าสุดในประเทศจีน