มิตซูบิชิ เลือกไทยผลิตรถยนต์ไฮบริด ที่แรกนอกญี่ปุ่น 

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors) บริษัทรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นจะเริ่มผลิตรถยนต์ไฮบริดในประเทศไทยในต้นปีหน้า ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่มิตซูบิชิผลิตรถยนต์ไฮบริดนอกประเทศญี่ปุ่น 

วันที่ 9 สิงหาคม 2023 สำนักข่าวนิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) รายงานว่า มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors) บริษัทรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นจะเริ่มผลิตรถยนต์ไฮบริด (PHV) ในประเทศไทยในต้นปีหน้า เนื่องจากมิตซูบิชิคาดว่าความต้องการรถยนต์ไฮบริดจะยังสูงต่อไปอีกอย่างน้อย 10 ปี 

การผลิตรถยนต์ไฮบริดในประเทศไทยที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ จะเป็นครั้งแรกที่มิตซูบิชิผลิตรถยนต์ไฮบริดนอกประเทศญี่ปุ่น 

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เชื่อว่าประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ต้องใช้เวลามากกว่านี้ในการที่คนจำนวนมากจะเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคาที่สูง และอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะจุดชาร์จแบตเตอรี่ยังมีจำกัด ในขณะเดียวกัน รถยนต์ไฮบริดจะทำให้มิตซูบิชิสามารถแข่งขันกับบริษัทรถยนต์จากจีนได้ 

โรงงาน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทยจะผลิตรถมินิแวน X PANDER รุ่นไฮบริด ซึ่งเป็นรุ่นหลักที่มีสัดส่วน 10% ของยอดขายทั้งหมดในปัจจุบัน และตั้งเป้าขายในประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยจะวางจำหน่ายทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง และในเดือนพฤศจิกายนปีนี้มิตซูบิชิจะเปิดตัวรถ SUV รุ่นใหม่ จากนั้นจะมีรุ่นไฮบริดตามมาในอนาคต 

นอกจากนี้ มิตซูบิชิยังจะพิจารณาผลิตรถยนต์ไฮบริดในอินโดนีเซีย ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะใช้ประโยชน์จากนิกเกิลที่อินโดนีเซียมีเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต

มิตซูบิชิวางแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดเป็น 50% ของยอดขายทั่วโลกภายในปี 2030 และจะยุติการขายรถยนต์ใช้น้ำมันภายในปี 2035 

ก่อนหน้านี้ มิตซูบิชิผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) ในประเทศญี่ปุ่น ขณะที่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นตลาดหลักนั้น มิตซูบิชิผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลเป็นหลัก

ทั้งนี้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นมีความสำคัญต่อมิตซูบิชิมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา รายได้จากการดำเนินงาน (operating income) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คิดเป็น 70% ของรายได้จากการดำเนินงานรวม 307,100 ล้านเยน (ประมาณ 75,000 ล้านบาท) ของมิตซูบิชิ

แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้ากำลังมาแรง แต่รถยนต์ไฮบริดก็ยังคงได้รับความสนใจจากผู้ใช้รถยนต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่มาก

มีการสำรวจในอินโดนีเซียซึ่งจัดทำโดยบริษัทวิจัย Milieu Insight ในสิงคโปร์ พบว่า 47% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า “ราคาที่สูง” เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาไม่อยากซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ในขณะที่ 42% ให้เหตุผลว่า “สถานีชาร์จไฟฟ้ามีน้อย”

จากข้อมูลของบริษัทวิจัย GlobalData พบว่าในปี 2022 มีการขายรถยนต์ไฮบริด 102,000 คันในประเทศหลัก ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อินโดนีเซีย และไทย 

Global Data คาดว่ายอดขายรถยนต์ไฮบริดในอาเซียนจะเพิ่มขึ้นสิบเท่าเป็น 1.03 ล้านคัน ในปี 2035 ในทางกลับกัน ในปี 2035 ยอดขายรถยนต์ใช้เฉพาะน้ำมันจะอยู่ที่ 1.82 ล้านคัน คิดเป็นลดลง 6% จากปี 2022 ส่วนแบ่งของรถยนต์ไฮบริดในปี 2035 จะเพิ่มเป็น 33% ของทั้งหมด จากที่มีสัดส่วน 5% ในปี 2022 แม้ว่าสัดส่วนของ EV จะเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน แต่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 7% ในปี 2035