เปิดแนวคิดนายใหญ่ “มิตซูบิชิ” ลั่นพร้อมรบ “อีวีจีน”

ทาคาโอะ  คาโตะ มิตซูบิชิ มอเตอร์
ทาคาโอะ  คาโตะ
คอลัมน์ : สัมภาษณ์

สื่อสารกันมาพักใหญ่และต่อเนื่องสำหรับค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ ถึงการวางตำแหน่งและให้บทบาทที่สำคัญของประเทศไทยในฐานะฐานการผลิตรถยนต์มิตซูบิชิที่สำคัญของภูมิภาคและของโลก วันก่อน “ทาคาโอะ คาโตะ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น เดินทางมาร่วมเปิดตัวรถยนต์ มิตซูบิชิ ไทรทัน คอนเซ็ปต์ ก่อนที่จะพัฒนาเป็นโปรดักชั่นคาร์ในช่วงกลางปีนี้ รวมทั้งร่วมพบปะตัวแทนจำหน่ายเพื่อยืนยันแผนธุรกิจที่ชัดเจน

“คาโตะ” ยังเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนไทย และ “ประชาชาติธุรกิจ” ได้รวมสัมภาษณ์เพื่อทราบทิศทางที่ชัดเจนของมิตซูบิชิ ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างช่วงแผนงานระยะกลางจะเป็นอย่างไรไปติดตามกัน

Q : คนไทยจะได้เห็น “มิตซูบิชิ ไทรทัน” ใหม่มาพร้อมกับเทคโนโลยีอีวีเลยใช่ไหม

สำหรับรถปิกอัพมิตซูบิชิ ไทรทันตามแผนงานเราจะเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม ส่วนแผนที่จะผลิตเป็นรถกระบะ BEV หรือไม่นั้น ตอนนี้เรากำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนของการพิจารณาในการพัฒนาอยู่ เนื่องจากสุดท้ายเราต้องเดินไปสู่ทิศทางของ “ความเป็นกลางทางคาร์บอน” และมิตซูบิชิได้วางแผนพัฒนารถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมออกสู่ตลาดให้มากขึ้น

สำหรับประเทศไทย ก็ถือว่าเป็นตลาดที่มีความสำคัญ จึงอยากพัฒนารถรุ่นนี้ออกมารองรับตลาด และในเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ก็มองว่า EV จะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตามรถมิตซูบิชิไทรทันในโมเดลปัจจุบันก็ขับขี่ได้อย่างสนุกสนาน ทรงพลัง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

mitsubishi XRT

Q : มิตซูบิชิพร้อมจะลงทุนเพิ่มเติมมากน้อยแค่ไหน

สำหรับการมาเยือนประเทศไทยครั้งนี้เป็นการมาร่วมงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นเเนล มอเตอร์โชว์ 2023 เพื่อเปิดตัวคอนเซ็ปต์คาร์เท่านั้น และมีการพบปะผู้คุยกับผู้แทนจำหน่าย เพื่อที่เราต้องการจะสื่อสารเพื่อสร้างความมั่นใจ เพราะเราจะมีการเปิดตัวไทรทันรุ่นใหม่ ว่าเป็นสินค้าที่ดีเยี่ยม และอยากให้ตัวแทนจำหน่ายขายรถได้เยอะ ๆ รวมทั้งหารือแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับทิศทางในอนาคตจะเป็น ไฮบริด, ปลั๊ก-อิน ไฮบริด หรือรถยนต์ไฟฟ้าแบบไหนจะเหมาะสมกว่ากัน ส่วนเรื่องการลงทุนปกติการเปิดโปรดักต์ใหม่ก็มีการลงทุนในทุกส่วนอยู่แล้ว

Q : เป้าหมายและแผนงานนอกจากการเปิดรถรุ่นใหม่

สำหรับประเทศไทยที่ผ่านมา พยายามจะเน้นในเรื่องของคุณภาพของการขายให้ดีขึ้น ซึ่งก็คือเรื่องของความพึงพอใจของลูกค้า และเรื่องการบริการหลังการขาย ที่จะต้องมีบริการที่ดีขึ้น ที่จะส่งผลให้ราคาขายต่อของรถมิตซูบิชิให้มีราคาที่สูงขึ้น ตรงนี้เราก็ประสบความสำเร็จแล้วส่วนหนึ่ง จากนี้มิตซูบิชิจะมีการแนะนำสินค้าใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น และช่วงนี้เป็นช่วงกลยุทธ์ระยะที่ 2 ที่จะสร้าง customer satisfaction เน้นการบริการที่ดีขึ้น และเชื่อว่าดีลเลอร์จะช่วยให้ brand value ดีขึ้นได้แน่

Q : ไทรทันใหม่จะผลักดันให้มิตซูบิชิกลับมาอยู่เบอร์ 3 ได้มากน้อยแค่ไหน

วันนี้เราค่อนข้างที่จะมั่นใจในสินค้าของเรา แน่นอนว่าจะเข้ามาช่วยกระตุ้นตลาด ไม่ว่าจะเป็นการขายในประเทศหรือส่งออกนอกประเทศ ในส่วนของรถรุ่นอื่น ๆ ขอสงวนสิทธิ์ยังไม่เปิดเผยข้อมูลในขณะนี้ มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น ได้มีการประกาศแผนธุรกิจระยะกลางออกมา ซึ่งแผนนั้นได้มีการประกาศธุรกิจในระดับ global ออกมาว่า จะมีการพัฒนารถยนต์เพื่อตอบโจทย์ตลาดอาเซียนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเราเตรียมการในการพัฒนารถยนต์รุ่นต่าง ๆ และจะมีการเปิดตัวออกมาในตลาดให้กับทุกท่าน

ในส่วนของเทคโนโลยีที่เป็นหลักของเรา เช่น EV ก็คงจะมีการออกมาในโปรดักต์ใหม่ ๆ ด้วย ประเทศไทยถือว่าเป็นตลาดที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับเรา เพราะหลายปีที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุนธุรกิจการส่งออก โดยนโยบายของภาครัฐมีส่วนช่วยทำให้เราสามารถที่จะขยายเศรษฐกิจของประเทศไทย และชื่อของแบรนด์และบริษัทก็เป็นที่รู้จักกับคนไทย

เพราะฉะนั้น เราจึงต้องใส่ใจและสู้ในตลาดต่อไป ที่ผ่านมาอาจจะมีโมเดลใหม่ ๆ ออกมาไม่ค่อยมากสักเท่าไหร่ แต่ต่อจากนี้ไปเกือบทุกปีจะมีโปรดักต์ใหม่ ๆ รวมทั้งตลาดอาเซียนด้วย นอกจากนี้รัฐบาลยังมีนโยบายสนับสนุนรถ BEV ออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งเรามองว่าคงจะต้องมีการพัฒนาสินค้า ออกมาเพื่อรองรับนโยบายของภาครัฐต่อไป เราต้องการที่จะยกระดับบทบาทของเราในตลาดประเทศไทย ไม่ให้แพ้ผู้ผลิตจากประเทศจีนที่กำลังเข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น

Q : มิตซูบิชิมองตลาด BEV ในไทยอย่างไร

ในส่วนของรถ BEV มีแผนจะเปิดตัว แต่ว่าต้องสงวนสิทธิ์ไม่บอกว่าเมื่อไหร่ แต่เราจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการที่จะเปิดตัวให้ได้ภายใน 5 ปี แต่ทั้งนี้ยังต้องรอโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยด้วยว่าสามารถที่จะรองรับกับจำนวนที่จะออกมาได้มากน้อยหรือเปล่า แน่นอนว่า มิตซูบิชิ เราจะพยายามจะแข่งขันกับแบรนด์รถจากจีนให้ได้ จะเห็นว่ารถของเขามี ดีไซน์ที่ล้ำยุคมากขึ้น และเรื่องของคุณภาพทางจีนก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในการที่จะแข่งขันกับผู้ผลิตจากประเทศจีน และเราน่าจะมีโอกาสพัฒนารถของเราให้มีดีไซน์ ที่ชัดเจนโดดเด่นเหนือแบรนด์จีนได้ แบบที่มองแล้วรู้เลยว่าเป็นมิตซูบิชิ

Q : แผนในช่วง 3-5 ปีในระยะยาว สำหรับมิตซูบิชิไทยแลนด์

รถที่เราจะเปิดตัวในประเทศไทย คงจะเป็นการผสมผสานความโดดเด่นของการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ากับตัวเครื่องยนต์ ซึ่งเราทำได้ดีอยู่แล้ว และเราก็คงจะอาศัยนโยบายจากภาครัฐในการที่จะเข้ามาผลักดันวางแผนในการทำธุรกิจของเราต่อไป เพราะมีเรื่องโครงสร้างภาษี หลากหลายภาษีที่เกี่ยวกับรถยนต์ เช่น โครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ ก็จะมีการประกาศใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2569 สำหรับแผน 3 ปีของเราให้ความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการขายของเรามาโดยตลอด

แต่ต่อไปเราจะเน้นเรื่องของ “ยอดขาย” ด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ๆ ซึ่งจะทำให้เรามีบทบาทสำคัญในตลาดประเทศไทยมากขึ้นต่อไป รวมถึงการผลิตในประเทศไทย ที่ถือว่าเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ และเมื่อปีที่แล้วได้มีการลงทุนในการสร้างโรงคั่วสีแห่งใหม่ขึ้นมา ถือเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างมากที่สุดในกระบวนการการผลิตรถยนต์ นอกจากนั้นเราได้มีการเตรียมตัวผลิตรถกระบะรุ่นใหม่ออกมา ที่จะต้องมีการลงทุนเรื่องระบบอัตโนมัติเพิ่มมากขึ้น เราเน้นเรื่องคุณภาพ ที่จะต้องดีมากขึ้น และเราจะลดการปล่อยคาร์บอนออกมาด้วย


วันนี้ ทาคาโอะ คาโตะ ยังคงยืนยันและตอกย้ำถึงความสำคัญของประเทศไทย ว่ายังคงเป็นประเทศที่สำคัญมากทั้งในเรื่องของการจำหน่าย การผลิต รวมไปถึงการส่งออก ที่จะเป็นเครื่องจักรสำคัญในการช่วยให้มิตซูบิชิสามารถขับเคลื่อนธุรกิจไปตามแผนที่ต้องการผลักดันให้ตลาดอาเซียนเป็นตลาดที่มีศักยภาพและเป็นดาวเด่นของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก โดยมีไทยเป็นขุมพลังสำคัญนั่นเอง