“ประยุทธ์” ปักธงกวาดล้างทุนสีเทา เปิดวาระเรียกคะแนนก่อนเลือกตั้ง

พล.อ.ประยุทธ์

เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึง 4 เดือน ธงเลือกตั้งก็จะโบกสะบัด การบริหารราชการแผ่นดินในช่วงรอยต่อรัฐบาลเก่า-รัฐบาลใหม่ อาจตกอยู่ในสุญญากาศทางการเมือง

ก่อนนับถอยหลังถึงวันเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม 2566 พล.อ.ประยุทธ์ได้ออกมาประกาศเร่งมือ-เร่งรัด ต่างกรรม-ต่างวาระ เรื่องคอขาดบาดตายถูกขีดเส้นการแก้ปัญหาภายใน 3 เดือน

การกวาดล้างยาเสพติด-ล้างบางอาวุธปืนเถื่อน พล.อ.ประยุทธ์ถูกหยิบมาเป็นการบ้าน-วาระแห่งชาติ

สืบเนื่องจากเหตุการณ์โคกนาฏกรรมสะเทือนขวัญ ทำร้ายประชาชนที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก องค์การบริหารส่วนตำบลอุทัยสวรรค์ อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู

การประชุมเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2565 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธาน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม เพื่อหารือถึงการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนเถื่อนและยาเสพติดอย่างเด็ดขาด

4 มาตรการเร่งด่วน เพื่อถอนราก-ถอนโคนแก๊งมาเฟียและผู้มีอิทธิพล ประกอบด้วย 1.มาตรการเกี่ยวกับอาวุธปืน 2.มาตรการด้านป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 3.มาตรการด้านการบำบัด ฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด และ 4.มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิต

ที่ผ่านมากระทรวงยุติธรรมที่มี “สมศักดิ์ เทพสุทิน” เป็นเจ้ากระทรวง ได้ดำเนินการตามมาตรการอย่างรวดเร็ว อาทิ การออกแนวทางการควบคุมสารโซเดียมไซยาไนด์ สารเบนซิลคลอไรด์ และสารเบนซิลไซยาไนด์ ที่นำไปใช้ในกระบวนการผลิตยาเสพติด

ขณะที่กระทรวงมหาดไทย “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” มท.1 ได้กำชับปลัดกระทรวงมหาดไทย-หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในที่ประชุมประจำเดือนมกราคม สนองนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ โดยเข้มงวดการออกใบอนุญาตอาวุธปืนอย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้ ยังมี “คดีทุนจีนสีเทา” ท้าทายวิกฤตศรัทธาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)

คดีทุนจีนสีเทาถูกโอนมาให้เป็น “คดีพิเศษ” ให้อำนาจอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) คลี่คลายคดี โดยไม่ต้องผ่านคณะกรรมการคดีพิเศษ ที่มี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

ดีเอสไอ-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย “พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนสำนวนคดีใช้เวลาประมาณ 3 เดือน “ปิดคดี” และส่งให้อัยการสูงสุดเมื่อวันที่ 13 มกราคม

คดีทุนจีนสีเทา ดูเหมือนจะเป็นลูกต่อเนื่องจากนโยบายปราบปรามยาเสพติด-ปืนเถื่อนของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แต่ “ผิดคิว” ตรงที่ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” คือผู้ที่ออกมาแฉ-เปิดโปงเครือข่าย นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ “ตู้ห่าว”

ซ้ำยังพาดพิงไปถึง “คนชอบเล่นนาฬิกา” และ “เงินบริจาค” ให้กับพรรคพลังประชารัฐ ตลอดจนโยงไปถึง “หลานนายกฯ”

นอกจากผลงานปราบยาเสพติด-อาวุธปืนเถื่อน และทุนจีนสีเทาแล้ว ยังมีคดีสะเทือนต่อมธรรมาภิบาลรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ส่งท้ายปลายปี’65

เมื่อ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ สำนักงานป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) บุกเข้าจับกุม นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุทธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมเงินสด 5 ล้านบาท

นายรัชฎาคือ “น้องชาย” ของ “พล.อ.ยุวนัฏ สุริยกุล ณ อยุธยา” เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงมีปฏิบัติการคำสั่งย้ายฟ้าผ่าจากทำเนียบรัฐบาลที่ 336/2565 ให้นายรัชฎา มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี

เบื้องต้นคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงนายรัชฎาเรียกรับสินบนผู้ใต้บังคับบัญชา โดยให้ออกจากราชการไว้ก่อน แต่เส้นทางสืบคดียังไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ก็มีคณะกรรมการระดับชาติด้านเศรษฐกิจหลายคณะอยู่ในสถานะไม่ active ไม่มีการนัดประชุม โดยเฉพาะคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบริหารสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจ

รวมถึงคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจ ที่มีปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานอนุกรรมการด้วย

ข้าราชการระดับสูงระดับผู้อำนวยการในทำเนียบรัฐบาล ต่าง wait and see เงี่ยหูฟังข่าวคราว วัน ว. เวลา น.ยุบสภา และหน้าตาของรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาหลังการเลือกตั้ง

แต่ข้าราชการระดับอาวุโสที่ผ่านการเปลี่ยนรัฐบาลมาหลายรัฐบาล ทั้งในยุครัฐบาลนักเลือกตั้ง-รัฐบาลทหาร และรัฐบาลทหารการเมือง ตั้งหลัก-เตรียมพร้อมเสิร์ฟข้อมูลให้กับทุกรัฐบาล

ทั้งการเตรียมช่องทาง-แนวทางตามระเบียบ-กฎหมายจัดทำตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้หาเสียงไว้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลขั้วเดิม หรือขั้วใหญ่ อาทิ นโยบายค่าแรง 600 บาท บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาท จะทำได้อย่างไร

รวมถึงเตรียมการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีชุดใหม่-นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ตลอดจนรีวิวร่างกฎหมายต่าง ๆ ของรัฐบาลที่ยังค้างอยู่ที่สภาจะยืนยันเพื่อเดินหน้าต่อ-ปล่อยให้ตกไป

ส่วนในช่วงก่อนยุบสภา-เลือกตั้งนั้น ข้าราชการยังต้องเดินตามขั้นตอนกลไกข้าราชการปกติ-ไม่ใส่เกียร์ว่าง ยังต้องเร่งเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือน้ำท่วมและแก้ปัญหาราคาพืชผลของเกษตรกรตกต่ำ รวมถึงการจัดหาที่ดินทำกินให้ประชาชน

ขณะที่งานสำคัญต่าง ๆ ที่ปักหมุดไว้แล้ว ข้าราชการต้องเดินไปตามขั้นตอน ไม่มีปัจจัยเรื่องรัฐบาลใหม่ เช่น การจัดงานฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในเดือนมิถุนายน

ข้าราชการระดับสูงระดับหัวหน้าข้าราชการกังวลมากกว่า คือหลังจากมีพระราชกฤษฎีกายุบสภา-เลือกตั้ง ทำให้รัฐบาลเป็นเพียง “รัฐบาลรักษาการ” จะเป็นช่วงที่กลไกข้าราชการไม่ราบรื่น-สะดุด การแต่งตั้ง-โยกย้ายคน และอนุมัติโครงการ-งบประมาณ ต้องผ่านคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)


วินาทีนี้ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าสภาจะใช้ระยะเวลากี่วัน-กี่เดือนกว่าจะได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30-ใครจะเป็นรัฐบาลใหม่