อนุพงษ์ ชี้ผู้ว่าราชการจังหวัด-ผู้ว่าฯ กทม. มีอำนาจสั่งหยุดใช้รถ แก้ PM 2.5

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา

อนุพงษ์ เสียงอ่อย แก้ปัญหาหมอก-ควัน ฝุ่น PM 2.5 ได้แต่ขอความร่วมมือ ชี้ผู้ว่าราชการจังหวัด-ผู้ว่าฯ กทม. มีอำนาจสั่งห้ามรถยนต์เข้าเขตเมือง-ไซต์ก่อสร้าง ทำได้เลย

วันที่ 28 มีนาคม 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขปัญหาหมอกควันและฝุ่น PM 2.5 ว่าได้สั่งการไปให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ต้องทำตามกรอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ ถึงระดับไหนถึงจะเข้มงวด

“เราก็ทำกันเต็มที่ ถามว่ามีดีขึ้นไหม ขณะนี้ฮอตสปอตในประเทศเราลดลง ด้านนอกยังมีเข้ามามาก ต้องยอมรับว่ามาก ของเราก็เข้มงวด ในพื้นที่ต่าง ๆ เขาก็เข้มงวด ต่อไปเรื่องการใช้ยานพาหนะ ในชั้นนี้ก็ยังใช้การขอความร่วมมือ เรายังไม่ได้ห้าม ว่าห้ามรถเข้าไปในเขตนั้น เขตนี้ ยอมรับว่า PM 2.5 ส่วนหนึ่งมาจากการใช้ยานพาหนะมาก รองจากการเผาในที่แจ้ง ในที่โล่ง ชั้นต่อไปก็เป็นเรื่องของอุตสาหกรรมกับเรื่องการก่อสร้าง เราก็เข้มงวด” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว

พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ทั้งหมดนี้หากให้ตนสรุป ถ้าเราอยากให้สถานการณ์น้อยลง ทุกคนต้องให้ความร่วมมือ ถ้าจะให้คนไปไล่จับ ไล่เข้มงวดอย่างเดียว ผู้ที่เดือดร้อนจากการโดนจับก็เป็นเกษตรกรก็จะมีปัญหาเรื่องคดีความเกิดขึ้น

“ถ้าคาดหวังว่าสั่งแล้วจะลดลง ไม่มี ทุกคนต้องร่วมมือกัน ทาง กทม. คุณชัชชาติ (สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.) ใคร work from home ได้ ลดใช้ยานพาหนะ ถ้าคนยังใช้แล้วสั่งให้ลดมันลดไม่ได้หรอก ต่างจังหวัดบอกว่าไม่ให้เผา ก็ไล่จับกันอยู่ ยังเผาอยู่ แล้วกว่าจะดับได้แต่ละอัน PM 2.5 มันลอยไปก็ไปเก็บมันไม่ได้หรอก” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว

พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ถ้าทุกคนคิดว่า การสั่งการทำให้ PM 2.5 ไม่มี ถ้าหวังว่า ถ้าเราสั่งไปแล้วจะควบคุมได้มันก็คงจะดี แต่มันอยู่ที่ความร่วมมือของทุกคน

พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า เราตรวจรถมีค่า PM 2.5 ไม่เกิน แต่ถ้ารถวิ่งกันมาก ติดอยู่บนถนนเป็นชั่วโมง อย่างนี้เกิด PM 2.5 แล้วก็มากด้วย เพราะฉะนั้นต้องลดการใช้ ส่วนในระยะยาวจะพัฒนาไปเป็นรถไฟฟ้า เราก็ยังใช้กันอยู่ ต้องรออีกสักระยะหนึ่งเราถึงจะใช้เครื่องยนต์ไฟฟ้าได้อย่างมีนัย ลดผลกระทบในเรื่องของ PM 2.5 ต้องใช้เวลา

“โดยกฎหมาย เราให้นโยบายไปแล้ว ก็ต้องยอมรับ ไม่สามารถบอกได้ว่าโยนหรือไม่โยน แต่มันเป็นหน้าที่ของ 2 คนในประเทศไทย คือผู้ว่าราชการ กทม. กับผู้ว่าราชการจังหวัดที่เขาจะไปสั่ง ถ้ามีผลกระทบ พิจารณาแล้วว่ามันเป็นเพราะ สมมตินะ ในเมืองประชาชนไม่ได้แล้ว ต้องสั่งหยุดใช้รถ ก็สั่งหยุด เพราะมีอำนาจใช้ได้” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว และว่า

“แต่ทีนี้จะไปสั่ง แล้วท่านก็รู้ว่าประเทศไทยมีปัญหาแน่นอน ถ้าสั่งห้ามพาหนะเข้าไปในเขตเมืองเลย มันทำได้ไหมล่ะ ก็ไม่ยอมกันอีก แหล่งกำเนิดรู้หมด แต่คุณไม่ทำกันเลย ไม่ร่วมมือกัน ให้สั่งยังไงก็ไม่ได้ ผมไปบอกให้คุณสั่งไม่ได้ คุณต้องพิจารณาเอง ประชุมคณะกรรมการจังหวัด ถ้าคุณจะสั่งให้หยุดใช้ยานพาหนะ คุณทำได้เลย แต่ไม่ได้สั่งจากส่วนกลางไป ถ้าพิจารณาแล้วเกิน ประชาชนได้รับผลกระทบ จะทำยังไง ถ้าลงความเห็นร่วมกันว่าจะไม่ให้รถเข้าไปในเขตเมืองเลย ที่ก่อสร้างใดทำให้เกิด PM 2.5 ท่านสั่งเลย แต่มันก็จะเป็นแง่กฎหมายอีก เพราะเขาจะทำงานไม่ได้ ซึ่งจะส่งผลตามมาอีก จึงทำไม่ง่าย” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว