เปิดเส้นทางหนีคดียุบเพื่อไทย ตั้งพรรคใหม่ หลบภัยทักษิณครอบงำ

ทักษิณ เพื่อไทย

 

บทลงโทษสำหรับพรรคการเมืองที่เป็น “ปฏิปักษ์” กับขั้วอำนาจรัฐบาลหวั่นเกรงที่สุดคือเรื่อง “การถูกยุบพรรค”

ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยหรือพรรคก้าวไกล ต่างเคยเผชิญเหตุการณ์ยุบพรรคมาแล้วทั้งคู่

โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยและเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร ขวัญผวาเป็นพิเศษเพราะเคยมีประสบการณ์ถูกยุบมาแล้วถึง 3 พรรค

คือพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคไทยรักษาชาติ

อีกทั้งรัฐธรรมนูญ-กฎหมายพรรคการเมือง ขีดเส้นเรื่องการห้ามมิให้บุคคลที่ไม่ใช่เป็นสมาชิกพรรคเข้าครอบงำ ควบคุม สั่งการ อาจกล่าวได้ว่ามี “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี พี่โทนี่ของพรรคเพื่อไทยเป็นตุ๊กตาในการยกร่างกฎหมาย

เพื่อไม่ให้อุบัติเหตุซ้ำรอยพรรคเพื่อไทย จึงระวังทุกทาง พร้อมทั้งหาทางหนีทีไล่เอาไว้ทั้งหมด ทุกข้อกล่าวหา ดังนี้

หนึ่ง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ลดสถานะจากผู้อำนวยการพรรค เป็น “รักษาการผู้อำนวยการพรรค” ทันที ภายหลัง “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” สมาชิกพรรคพลังประชารัฐยื่นหนังสือร้องต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบว่า นพ.สุรพงษ์เป็นผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ และเป็นเหตุให้ยุบพรรคหรือไม่

เนื่องจาก นพ.สุรพงษ์น่าจะมีลักษณะต้องห้ามเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย หรือผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย

ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 98 เช่น (9) บุคคลที่เคยได้รับโทษจำคุกและพ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปี หรือ (12) เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ

ซึ่งข้อบังคับพรรคเพื่อไทย ข้อ 70 สมัย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็นหัวหน้าพรรค สามารถตั้งสมาชิกพรรคเป็นผู้อำนวยการพรรคได้ โดยต้องรายงานให้คณะกรรมการบริหารพรรคทราบ แต่บุคคลที่ห้ามสมัครเป็นสมาชิก ดังนั้นจะถือเป็นคนอื่นหรือผู้ใดที่มิใช่สมาชิก

ดังนั้น เป็นการกระทำฝ่าฝืนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 28 หรือมาตรา 29 หรือไม่นั้น เรื่องบุคคลภายนอกครอบงำพรรคจะถือเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคเพื่อไทย

สอง กรณี “วิฑูรย์ นามบุตร” อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะขอมาลงสมัครเป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ในลำดับต่ำกว่า 29 กรณี พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ระบุว่าถูกนายทักษิณสั่งลบชื่อออกจากเป็นสมาชิกพรรค และอีกหลายกรณีที่ “ทักษิณ” ถูกพาดพิงครอบงำพรรคเพื่อไทยที่ “นักร้องการเมือง” ยื่นยุบพรรคเพื่อไทย ทั้งที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือศาลรัฐธรรมนูญ

“นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่นักร้องให้ยุบพรรคเพื่อไทยมีการกล่าวถึงบุคคลภายนอก ทุกคนรู้ว่าท่านทักษิณเป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ต้องไปอยู่ต่างประเทศ การแสดงออกของท่านเป็นเหมือน brand ambassador เป็นเชิงสัญลักษณ์

แต่ท่านไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับการบริหารจัดการ แต่ย่อมพูดถึงพรรคเพื่อไทยได้ เมื่อพูดแล้วคนก็เอาไปตีความว่าชี้นำ ครอบงำ

ทั้งที่ต้องดูองค์ประกอบว่ากรรมการบริหารพรรคยินยอมให้มีการกระทำหรือไม่ เขาไม่สนแค่ได้ยินคำพูดก็เอาไปร้องยุบพรรคแล้ว

เช่นกรณี นายวิฑูรย์ นามบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยิ่งพูดอย่างนี้โอกาสเข้าพรรคเพื่อไทยเป็นศูนย์ ไม่ยอมให้เข้าองค์ประกอบแน่นอน ถ้ารับเข้าพรรคอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 29 ก็ครบองค์ประกอบ ดังนั้น โอกาสเข้าพรรคเป็นศูนย์สำหรับนายวิฑูรย์

“การกล่าวอ้างอย่างนี้ไม่ว่ากัน เป็นสิทธิ แต่มาละเมิดสิทธิของพรรคเราด้วย ใครจะพูดถึงบุคคลแดนไกลอย่างไร พูดได้เต็มที่ เพราะท่านเป็นสัญลักษณ์พรรคไทยรักไทย เป็นเหมือนปูชนียบุคคลของพรรคเพื่อไทย แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการ ชี้นำ ต้องเอานู่นเอานี่ ผมเป็นหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค ทำงานอย่างเป็นอิสระ พิสูจน์ได้ และพร้อมจะไปชี้แจงจาก กกต.ถ้ามีหนังสือเชิญ ฝ่ายกฎหมายเตรียมพร้อม”

กรณีดังกล่าวแกนนำพรรคเพื่อไทยรีบออกมาเคลียร์ข่าว พร้อมกับ “ปิดประตู” วิฑูรย์ เข้าพรรคเพื่อไทยโดยปริยาย

สาม กรณีที่ “ทักษิณ” อัดคลิปสนับสนุนเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ให้เลือกผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ คือ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ “ก๊อง” ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย เรื่องดังกล่าวเกิดเป็นปมร้อนภายในพรรคถึงขั้นมีกรรมการบริหารพรรค 3 คนลาออก

พร้อมทั้งทำหนังสือไม่เห็นด้วยเพื่อเป็นการ “กันไว้ดีกว่าแก้” หากมีการร้องเรื่องยุบพรรคสามารถใช้เอกสารดังกล่าวไปชี้แจงกับ กกต.ได้ในเรื่องไม่ยอมให้มีการครอบงำพรรค

สี่ พรรคเพื่อไทยเตรียมแผนสำรองไว้หากเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องตกอยู่ในจุดเสี่ยงยุบพรรค จะมีการสับสวิตช์ไปอยู่พรรคใหม่ที่จดทะเบียนไว้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทันทีไม่รอให้เกิดการยุบพรรคขึ้นก่อน

แกนนำเพื่อไทยรายหนึ่ง เปิดเผยว่า “เราเคยมีบทเรียนจากการยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ตอนนั้นศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลา 3-4 สัปดาห์ก็สั่งยุบพรรคโดยไม่มีการไต่สวนพยาน เราเชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่มีการไต่สวนพยานเกิดขึ้นอีก”

“เพราะทุกครั้งที่มีการยุบพรรคจะต้องมีการไต่สวนพยาน ดังนั้น ถ้าในอนาคตมีการไต่สวนพยานคนสุดท้ายเมื่อไหร่ ก็เริ่มเข้าเค้าว่าจะมีการยุบพรรคพรรคเพื่อไทยเราจะย้ายทั้งหมดไปอยู่พรรคใหม่ที่เตรียมไว้แล้วทันที”

“แม้ว่าการตัดสินยุบพรรคจะเกิดขึ้นหลังจากมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งแล้วก็ตาม แต่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ย้ายพรรคได้ภายใน 30 วัน หลังการยุบสภา พรรคเพื่อไทยจึงไม่กลัวการถูกยุบพรรค” แหล่งข่าวกล่าว

พรรคเพื่อไทยเดินเกมไม่ประมาท เตรียมแผนรับมือไว้แล้วทุกทาง