เปิด 20 บริษัทอสังหาฯ มีรายได้ทะลุ 2 แสนล้าน กำไร 2.5 หมื่นล้าน

อสังหาริมทรัพย์

เปิดรายชื่อ 20 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ มีรายได้ทะลุ 2 แสนล้านบาท กำไร 2.5 หมื่นล้านบาท

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” สำรวจผลประกอบการปี 2565 ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ 20 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ข้อมูล ณ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566) พบว่า มียอดรับรู้รายได้รวมกัน 202,805.58 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวมกัน 25,401.09 ล้านบาท

รายชื่อ 20 บิ๊กแบรนด์อสังหาฯ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกอบด้วย บมจ.เอพี ไทยแลนด์, บมจ.ศุภาลัย, บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท, บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น, บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย, บมจ.แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ LPN, บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค

บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์, บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์, บจ.แอสเซทไวส์, บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์, บมจ.เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง หรือ NC, บมจ.สัมมากร, บมจ.ชีวาทัย, บมจ.พราว เรียลเอสเตท, บมจ.จีแลนด์, บมจ.คุณาลัย, บมจ.ธนาสิริ, บมจ.ออลล์ อินสไปร์, บมจ.ปรีชากรุ๊ป

แค่ 20 บริษัทฟันรายได้ทะลุ 2 แสนล้าน

เมื่อโฟกัสบิ๊กแบรนด์อสังหาฯ ที่มียอดรับรู้รายได้ท็อป 10 เรียงลำดับดังนี้

1.ค่ายเอพี ไทยแลนด์ มียอดรายได้รวม 38,539 ล้านบาท 2.ศุภาลัยมีรายได้รวม 35,500.71 ล้านบาท 3.พฤกษาฯ มีรายได้รวม 28,640 ล้านบาท 4.เอสซี แอสเสทฯ มีรายได้รวม 21,583.01 ล้านบาท 5.เฟรเซอร์สฯ ไทย มีรายได้รวม 16,010 ล้านบาท 

6.LPN มีรายได้รวม 10,301.32 ล้านบาท 7.เพอร์เฟค มีรายได้รวม 11,567.9 ล้านบาท 8.คิวเฮ้าส์ มีรายได้รวม 9,445 ล้านบาท 9.โนเบิลฯ มีรายได้รวม 8,678.3 ล้านบาท และ 10.แอสเซทไวส์ มีรายได้รวม 5,221.44 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากยอดรวม 20 บริษัทที่มียอดรับรู้รายได้รวมกัน 202,805.58 ล้านบาทดังกล่าว พบว่า 3 บริษัทแรกคือ เอพี ไทยแลนด์+ศุภาลัย+พฤกษา มีรายได้รวมกันทะลุแสนล้านบาท อยู่ที่ 102,679 ล้านบาท

ขณะที่ท็อป 10 ที่แจ้งรายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 มีรายได้รวมกัน 185,484 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 91% 

ท็อป 10 กำไรรวมกัน 2.4 หมื่นล้าน

และเมื่อโฟกัสบิ๊กแบรนด์อสังหาฯ ที่มีกำไรท็อป 10 (ข้อมูล ณ 26 กุมภาพันธ์ 2566) เรียงลำดับดังนี้

1.ศุภาลัย มีกำไรสุทธิ 8,173.26 ล้านบาท 2.เอพี ไทยแลนด์ มีกำไรสุทธิ 5,876 ล้านบาท 3.พฤกษาฯ มีกำไรสุทธิ 2,835 ล้านบาท 4.คิวเฮ้าส์ มีกำไรสุทธิ 2,396 ล้านบาท 5.เฟรเซอร์สฯ ไทย มีกำไรสุทธิ  2,032 ล้านบาท

6.แอสเซทไวส์ มีกำไรสุทธิ 1,353 02 ล้านบาท 7.จีแลนด์ มีกำไรสุทธิ 714 ล้านบาท 8.LPN มีกำไรสุทธิ 612.16 ล้านบาท 9.โนเบิลฯ มีกำไรสุทธิ 454.9 ล้านบาท และ 10.NC มีกำไรสุทธิ 251.93 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากยอดรวม 20 บริษัทที่มีกำไรสุทธิรวมกัน 25,401.09 ล้านบาทนั้น พบว่าท็อป 10 มีกำไรสุทธิรวมกัน 24,698.27 ล้านบาท 

ในขณะที่ 2 บริษัทแรกที่มีกำไรเกิน 5,000 ล้านบาท คือ ศุภาลัย+เอพี ไทยแลนด์มีรายได้รวมกันอยู่ที่ 14,049.26 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 97% ของบิ๊กแบรนด์ 20 บริษัทดังกล่าว 

แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์โควิดยิ่งทำให้บิ๊กแบรนด์อสังหาฯ เติบโตแข็งแกร่งในตลาดที่อยู่อาศัยอย่างเห็นได้ชัด 

AP บูมรายได้บ้านแนวราบ 3.5 หมื่นล้าน

รายละเอียดผลประกอบการรายบริษัท มีดังนี้ 

บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) มีรายได้ 38,539 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,876 ล้านบาท โดยรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.2 (จาก 31,794 ล้านบาท) และกําไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.4 (จาก 4,543 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับปี 2564 

โดยปี 2565 รายได้รวม 38,539 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขาย 37,522 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.5 จากปีก่อน) รายได้ค่าบริการและค่าบริหารจัดการ 1,017 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.1 จากปีก่อน)  

สินค้าบ้านแนวราบยังคงเป็นรายได้หลัก 35,605 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.8 จากปีก่อน) ในไตรมาสที่ 4/65 มีรายได้ 8,314 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.6 จากปีก่อน)

สินค้าคอนโดมิเนียมมีรายได้ 1,918 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.8 จากปีก่อน) จาก 4 โครงการพร้อมอยู่ โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจาก Aspire เอราวัณ ไพร์ม ซึ่งเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 1/65 ปัจจุบันมียอดโอนกรรมสิทธิ์แล้ว 46.4%  

นอกจากนี้ ปี 2565 มีคอนโดฯที่โอนกรรมสิทธิ์ครบทั้งหมด 2 โครงการ ได้แก่ 1) Aspire รัตนาธิเบศร์ 2,  2) Aspire อโศก-รัชดา

ปี 2565 เอพีฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 33.9 (เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 จากปี 2564) ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19

บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคิดเป็นร้อยละ 18.8 ของรายได้ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 จากปี 2564) เนื่องจากค่าใช้จ่ายครอบคลุมการดําเนินงานของโครงการร่วมทุน เมื่อคิดรวมรายได้ร้อยละ 51.0 จากโครงการร่วมทุน อัตราส่วน ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้เท่ากับร้อยละ 17.4 (เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 จากปีก่อน)

ปี 2565 เอพีฯ มีโครงการร่วมทุน 2 โครงการที่เริ่มโอนกรรมสิทธิ์ ได้แก่  Life สาทร เซียร์รา (มูลค่า 6,250 ล้านบาท) และ Rhythm เอกมัย เอสเตท (มูลค่า 3,350 ล้านบาท)  คิดเป็นรายได้โครงการร่วมทุนอยู่ที่ 10,849 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.0 จากปี 2564) 

ส่งผลให้ปี 2565 สามารถบันทึกส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้า 1,233 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.4 จากปี 2564)

ในขณะเดียวกันอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนยังคงอยูในระดับที่แข็งแกร่ง 0.58 เท่า

ศุภาลัยมีกำไรต่อหุ้นสูงขึ้นอยู่ที่ 4.19 บาท/หุ้น

บริษัท ศุภาลัย จํากัด (มหาชน) มีรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ 34,221.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 อยู่ที่ 5.283.93 ล้านบาท คิดเป็น 18% แบ่งเป็นรายได้จากการโอนบ้านและทาวน์เฮาส์ 54% อีก 46% เป็นรายไต้จากการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุด

สาเหตุที่ปี 2565 มีรายได้เติบโตเนื่องจากมีคอนโดฯ สร้างเสร็จและครบกำหนดโอน 7 โครงการ เริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ปลายไตรมาส 1/65 ขณะที่ในปี 2564 มีสร้างเสร็จเพียง 4 โครงการ

ศุภาลัยมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 4,029.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 อยู่ที่ 708.11 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 21% คิดเป็นสัดส่วน 11.4% เมื่อเทียบกับรายได้รวม เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2564 ที่อยู่ที่ 11.2%

ศุภาลัยมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วม 390.48 ล้านบาท ลดลงจากปี 2564 อยู่ที่ 142.46 ล้านบาท ลดลง 27% เนื่องจากโครงการในประเทศออสเตรเลียมีรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ลดลงจากการเลื่อนการส่งมอบบางส่วนไปโอนในปี 2566

บริษัทมีกำไรสุทธิ 8,1 73.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,102.94 ล้านบาท จากปี 2564 เพิ่มขึ้น 16% ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 4.19 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่อยู่ที่ 3.63 บาทต่อหุ้น

เนื่องจากบริษัทมีการลงทุนเพิ่มขึ้นทำให้อัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net Gearing Ratio) อยู่ที่ 49% ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 สูงขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 43% ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564

อนึ่ง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ศุภาลัยมียอดสัญญาที่ลูกค้าซื้อบ้าน-คอนโดฯ 19,173 ล้านบาท ทยอยโอนให้ลูกค้าในปี 2566 จำนวน 14,771 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 4,402 ล้านบาท ในอีก 2 ปีถัดไป (2568-2569) 

พฤกษาฯ ต่อยอดการลงทุนเชิงกลยุทธ์

บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท มีผลประกอบการปี 2565 รายได้รวม 28,640 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 กำไรสุทธิ 2,772 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.8 จากปี 2564 เป็นผลจากการดำเนินงานของธุรกิจโรงพยาบาลที่ปรับตัวดีขึ้น

การผนึกกำลังร่วมกันระหว่าง 2 ธุรกิจหลักทั้งอสังหาฯ และโรงพยาบาลยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนสิงหาคม 2565 ได้เปิดให้บริการวิมุต เวลเนส (บางนา-วงแหวน) เพื่อให้บริการแก่ลูกบ้านพฤกษาและคนไข้ทั่วไป

การลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องผ่านการลงทุนเชิงกลยุทธ์ และความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ มูลค่าการลงทุน 3,000 ล้านบาท เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนและเป็นการนำเข้าองค์ความรู้เพื่อนำมาต่อยอดธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง

พฤกษาฯ ประกาศจ่ายเงินปันผลประจำปี 2565 เป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.96 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 2,101 ล้านบาท โดยจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วเมื่อเดือนสิงหาคม 2565 หุ้นละ 0.31 บาท จำนวน 678 ล้านบาท 

ดังนั้นบริษัทจะจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดเพิ่มอีกหุ้นละ 0.65 บาท คิดเป็น 1,423 ล้านบาท กำหนดจำยเงินปันผลวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 ทั้งนี้ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2566

เอสซี แอสเสทฯ รายได้สูงขึ้นทั้งการขาย-การเช่า

บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) ระบุว่า ปี 2565 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 10.83% เมื่อเทียบกับปี 2564  โดยรายได้สูงขึ้นในทุกธุรกิจ

บริษัทมีกําไรขั้นต้นสูงขึ้นจากปีก่อน 19.63% จาก 30.8% เป็น 33.2% 

ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและค่าใช้จ่ายในการบริหารรวม 3,910.41 ล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อน 17.20% มีกําไร 2,556.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 23.95% 

เฟรเซอร์สฯ ไทย โตทั้งรายได้และกำไรสุทธิ

บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ FPT มีผลประกอบการ 12 เดือน (มกราคม-ธันวาคม 2565) ดังนี้

ปี 2565 รายได้ 16,010 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,032 ล้านบาท

ปี 2564 รายได้ 15,613 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,869 ล้านบาท

ผลประกอบการไตรมาสประจำงวดตุลาคม-ธันวาคม 2565 แบ่งเป็นงวดปี 2565 รายได้ 3,706 ล้านบาท กำไรสุทธิ 317 ล้านบาท งวดปี 2564 รายได้ 4,043 ล้านบาท กำไร 749 ล้านบาท เป็นต้น