
เกาะติดคณะทำงานคมนาคมสางปัญหาคอนโดแอชตัน อโศก หลังมีคำสั่งศาลปกครองสูงสุดให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างแบบมีผลย้อนหลัง “สรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์” รองปลัดและหัวหน้าคณะทำงานเผย 1 เดือนมีนิมิตหมายที่ดี เตรียมเรียกประชุมกลางเดือนธันวาคมนี้ ย้ำ 668 ห้องชุดต้องได้รับการดูแล รวมทั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งรัฐและเอกชน เพื่อไม่ให้มีความเสียหายมากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้
วันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะทำงานพิจารณาแนวทางในการแก้ไขปัญหาผู้ได้รับผลกระทบการอนุญาตใช้พื้นที่ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งเป็นคณะทำงานที่นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กำกับดูแลระบบรางทั้งหมด ได้ลงนามแต่งตั้งเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2566 และมอบหมายให้รายงานความคืบหน้าใน 30 วัน โดยครบกำหนดวันที่ 24 พฤศจิกายนดังกล่าว
กฤษฎีกา-อัยการ เปิดตำรากฎหมายหาทางออก
นายสรพงศ์กล่าวว่า ช่วง 30 วันที่ผ่านมา คณะทำงานซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และอัยการ ได้ร่วมประชุมและให้ความสำคัญในการร่วมกันหาทางออกให้กับปัญหาโครงการแอชตัน อโศก สุขุมวิท 21 เป็นอย่างมาก
“ต้องเรียนตามตรงว่า ผมก็ดีใจ หน่วยงานทางกฤษฎีกาท่านก็ให้ความสำคัญมาก ประชุมแต่ละครั้งท่านเปิดกฎหมายทุกอย่าง พยายามที่จะดูแลทุกอย่างให้กับลูกบ้าน คือเป็นนิมิตหมายที่ดีมาก ท่านพยายามให้คำแนะนำในทุกประเด็นที่เราพยายามจะขอความกรุณาจากท่าน”
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสำนวนคดีมีจำนวนมาก และต้องอ่านอย่างละเอียด จึงต้องใช้เวลาพอสมควร ในระหว่างนี้ กระทรวงคมนาคมในฐานะคนกลางก็มีทางออกที่เป็นผลดีกับทุกฝ่ายไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะ เจ้าของห้องชุด 668 ห้องชุด เพราะถือว่าเป็นประชาชนที่ซื้อและมีโฉนดห้องชุดในมือ จึงต้องได้รับการดูแลและได้รับความเป็นธรรม
“เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ลูกบ้านและผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ต้องมารับฟัง เราก็มีคำแนะนำให้คำแนะนำก็มีอยู่ 2 ทาง ที่อยากจะอธิบาย เราเชื่อว่ากระทรวงคมนาคม โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการสุรพงษ์ ปิยะโชติ ท่านก็พยายามใส่ใจ และกำกับดูแลตลอดว่าต้องให้เกิดความเป็นธรรมกับลูกบ้านด้วย เราก็พยายามติดตามเอกสารจากกรมที่ดิน และทราบว่าทาง กทม.ก็ตั้งคณะทำงานด้วย แต่ว่าเราก็ขอผลของคณะทำงาน กทม.มาประกอบการพิจารณาด้วย เชื่อว่าจะมีทางออกที่ดี และทำให้ลูกบ้านได้สบายใจขึ้น”
นายสรพงศ์กล่าวต่อว่า สำหรับคำถามว่าภายในปี 2566 จะสามารถหาข้อยุติได้หรือไม่นั้น ขออย่าเพิ่งไปบอกว่าปีนี้มันจบได้หรือจบไม่ได้ ทางกระทรวงได้เริ่มต้นทำงานไป 1 เดือน แล้วพยายามที่จะให้คำแนะนำ ถึงแม้เป็นเรื่องประโยชน์สาธารณะ แต่มีประเด็นทางกฎหมายที่ต้องศึกษาอยางระมัดระวัง จึงต้องการพบกับหน่วยงานผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพื่อให้มีความชัดเจนในการพิจารณาแก้ไข
รวมทั้งเน้นย้ำด้วยว่า มีโอกาสที่ผลลัพธ์จะออกมาดี เพียงแต่ว่าต้องมีการรับผิดชอบทั้งสองส่วน ได้แก่ ส่วนผู้ที่อนุญาตให้ใช้ที่เดิมซึ่งหมายถึง รฟม. และส่วนของผู้ที่ขออนุญาตใช้ที่ด้วย ซึ่งหมายถึงผู้พัฒนาโครงการแอชตัน อโศกฯ
“ประเด็นแอชตัน อโศกฯ ตัวแทนลูกบ้านมีการฟ้องร้องคดีด้วย ดังนั้น ความคืบหน้าจึงให้รายละเอียดมากกว่านี้ไม่ได้ เพราะจะละเมิดศาล ดังนั้น จึงขอให้เป็นการทำงานของคณะกรรมการ เชิญผู้เกี่ยวข้องมาพูดคุย โดยช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้ จะเชิญประชุมอีกครั้ง”
ดูแล 668 ห้องชุด-แบงก์ที่ปล่อยกู้ ไม่ให้เสียหายกว่านี้
สำหรับการดำเนินการในส่วนของ รฟม.นั้น นายสรพงศ์กล่าวว่า แนวทางต้องแบ่งเป็น 2 เรื่อง
เรื่องแรก ทำยังไงให้ประชาชนมีทางออกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อที่จะไปยืนยันกับทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อทำให้ใบอนุญาตก่อสร้างไม่ถูกเพิกถอนไป
“อันนี้ประเด็นสำคัญที่สุดนะ ทำยังไงให้มีเรื่องนี้ก่อน เพราะว่าเรื่องมันค้างอยู่ที่ พรบ.ควบคุมอาคาร จึงสำคัญเป้นอันดับแรก จะทำยังไงให้การเพิกถอนยังไม่เพิกถอน เพราะลูกบ้านซื้อไปแล้ว และมีโฉนดอยู่ เราไม่อาจเพิกเฉยในเรื่องของโฉนดได้
รวมถึงสถาบันการเงินต่างๆ ที่ปล่อยกู้ด้วย มันกระทบหมด และกระทบมหาศาล เพราะฉะนั้น เราต้องตั้งหลักดี ๆ ว่า จะทำยังไงให้ท่านเหล่านี้ ไม่ได้รับความเสียหายไปมากกว่านี้
ส่วนเรื่องอื่น ใครจะต้องทำยังไง ค่อยว่ากัน ทำตรงนี้ก่อน ทำยังไงให้สถานะของใบอนุญาตก่อสร้างนี้ยังมีทางออกที่จะสามารถอยู่ได้ คำแนะนำนี้เรามี (คำตอบ) อยู่แล้ว”
“ใคร” จะเป็นผู้ยื่นขอก่อสร้างใหม่ บริษัท หรือ นิติบุคคล
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแก้ไขปัญหาแอชตัน อโศกฯ จะจบที่ รฟม. (ผู้ออกใบอนญาตผ่านทาง) ได้หรือไม่ นายสรพงศ์กล่าวว่า ได้อธิบายไปแล้วว่าต้องจบทั้ง 2 ฝ่าย และจริงๆ คือ 3 ฝ่ายด้วยซ้ำ เป็น third party เพราะ 1.ผู้ออกใบอนุญาตก่อสร้างก็คือ หน่วยงาน กทม., ผู้ให้ใช้ที่ทางเข้าออกเดิมก็คือหน่วยงาน รฟม. และผู้ขอรับคำอนุญาตก็คือโครงการ
“ตอนนี้ ผมไม่รู้ว่าโครงการคือใคร ผู้ยื่น หรือตัวนิติบุคคลแอชตัน อโศก สุขุมวิท 21 เอาล่ะ ได้ทราบว่าผู้ยื่นเดิม (บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก ผู้ขอใบอนุญาตผ่านทาง) ก็มีห้องชุดในมือ 100 กว่าห้อง แต่อาคารนี้เป็นของคนกลุ่มใหญ่แล้ว เป็นของนิติบุคคลแอชตัน อโศกฯ เพราะฉะนั้น ก็ต้องคุยว่าใครจะเป็นคนดำเนินการต่อในส่วนนี้”
ตัวแทน 668 ห้องชุดแอชตันฯ ขอศาลแพ่งคุ้มครอง
ประเด็นทางกฎหมายที่มีข้อพัวพันกันอยู่คือ ทางตัวแทนเจ้าของห้องชุดที่ซื้อและโอนกรรมสิทธิ์แล้ว 668 ห้องชุด ได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เพื่อขอความคุ้มครองในการใช้ทางจำเป็น 13 เมตรที่เป็นทางเข้าออกในปัจจุบัน
เรื่องนี้ นายสรพงศ์กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมรับทราบแล้ว และการที่ลูกบ้านหรือเจ้าของห้องชุด ได้ขอศาลแพ่งไป และศาลแพ่งได้กรุณาคุ้มครองอยู่
“ณ ขณะนี้ เป็นโอกาสที่ดีของลูกบ้านว่า ใบอนุญาตในการก่อสร้างอาคารสูงโครงการนี้ ก็ยังไม่ได้มีการยกเลิกไป เพราะศาลยังคุ้มครองอยู่
เพราะฉะนั้น ในช่วงเหล่านี้ ต้องมาดูว่า ต้องวางแผนจะทำยังไง ในกรณีลูกบ้านชนะ มีแนวคำวินิจฉัยในทางบวกต่อลูกบ้าน ก็ดีไป แต่ถ้าคำวินิจฉัยไม่ดีต่อลูกบ้าน จะทำยังไง กรณีนี้กระทรวงคมนาคมมีทางออกให้
แต่ว่าขออนุญาตไม่เปิดเผย เพราะกลัวว่าจะก้าวล่วงต่อสิ่งที่กำลังฟ้องอยู่ด้วย มันพูดไม่ได้มากไปกว่านี้
“กระทรวงคมนาคมมีความตั้งใจและมีคำแนะนำให้ และเราก็มีทางออกที่ดีให้ คิดว่าอยากให้ท่าน (ลูกบ้าน) ได้สบายใจก่อนว่า คณะทำงานของกระทรวงเอาจริงเอาจังมากนะ” คำกล่าวของรองปลัดสรพงศ์